BBIK แย้ม Q4 แจ่ม ดันผลงานปีนี้ “นิวไฮ” ต่อเนื่อง กางแผนปี 68 โต 30% รับเทรนด์ AI มาแรง

BBIK ส่งซิกไตรมาส 4/67 แจ่ม ดันผลงานปีนี้ “นิวไฮ” ต่อเนื่อง ทยอยรับรู้แบ็กล็อก 1.1 พันล้านบาท พร้อมกางแผนปี 68 โต 20-30% รับเทรนด์ AI มาแรง ขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจ พร้อมกางแผนขยายตลาดต่างประเทศ ดันสัดส่วนเพิ่มเป็น 15% แย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าสถาบันการเงินตปท. 10 ราย คาดชัดเจนต้นปีหน้า พ่วงเดินหน้าเข้า SET กลางปี 68


นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 คาดทำนิวไฮต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และะงบประมาณภาครัฐเร่งเบิกจ่ายทำให้ลูกค้ากลับมาลงทุนมากขึ้น โดยมั่นใจดันผลงานปีนี้โต 10% ทำนิวไฮต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมองว่าสัดส่วนรายจากธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (DX) ราว 80% ของรายได้รวม นอกจากนี้จากการรับรู้มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2567 อยู่ในระดับสูงถึง 1,100 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 499 ล้านบาท

“บริษัทมั่นใจผลงานปีนี้นิวไฮต่อเนื่อง โดยมองว่ารายได้ในกลุ่มจากการทยอยรับรู้รายได้งานในมือราว 1,100 ล้านบาท โดยมองว่าปีนี้ธุรกิจ DX จะทำรายได้ให้บริษัทราว 80% ของรายได้รวม” นายพชร กล่าวเพิ่มเติม

ส่วนแผนธุรกิจปี 2568 มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาดผ่านกลยุทธ์ผสาน ทุกบริการหลักเข้ากับ AI (Bundled Services) รับกระแสการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในองค์กรที่จะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ 3-5 ปีนับจากนี้ โดยภาคธุรกิจจะเร่งเปลี่ยนผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจด้วย AI หรือ AI Transformation เพื่อลดต้นทุนพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปัจจัยดังกล่าวนี้จะส่งผลบวกต่อธุรกิจและหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2568 เติบโตตามเป้าที่วางไว้ 20%

“ปี 68 บริษัทวางเป้าเติบโต 20-30% จากความต้องการใช้ Ai ทั่วโลกที่เติบโตเฉลี่ย 16.9% ต่อปี นอกจากนี้บริษัทวางมีแผนจะโฟกัสตลาดต่างประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัทมีออฟฟิศอยู่ที่เวียดนาม โดยบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศประมาณ 15% จากปัจจุบัน 10% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ในต่างประเทศประมาณ 10 ราย โดยเป็นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน และคาดจะรับงานในช่วงต้นปี 68 หนุนงานในมือเพิ่มขึ้น 50-60 ล้านบาท ส่วนแผนคว้างาน Virtual Bank ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนการอนุมัติได้ไลเซ่นส์กี่ธนาคาร ส่วนแผนการเข้า SET คาดกลางปี 68 ” นายพชร กล่าวเพิ่มเติม 

นายพชร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเทรนด์การใช้ AI ในภาคธุรกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้น AI Transformation จะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นนับจากนี้รายงานล่าสุดของการ์ทเนอร์ ระบุว่า ความต้องการใช้ AI สำหรับองค์กรทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 16.9% ต่อปี(ตั้งแต่ปี 2566 – 2570) และจะทะยานแตะ 4.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570

โดยบริษัทฯ ประเมินว่าองค์กรที่เริ่มปรับใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อน จะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง และกดดันให้ธุรกิจต้องมุ่งปรับใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ในที่สุด จากโอกาสดังกล่าวนี้ผนวกกับศักยภาพของบลูบิค ทั้งในแง่ความพร้อมด้านกำลังพลผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเฉพาะด้านมากกว่าพันคน ประสบการณ์ และกลยุทธ์ Bundled Services ที่มีบริการด้าน AI เป็นแกนหลัก จะสามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ และบรรลุวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการด้านดิจิทัลขององค์กรลูกค้าได้

“บลูบิค ได้ทำการศึกษาแนวโน้มเกี่ยวกับเทคโนโลยีและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พบว่า AI กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานของธุรกิจยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม เราพบว่าการทำ AI Transformation นั้นมีอุปสรรคมากมายที่ทำให้การลงทุนด้าน AI มีโอกาสล้มเหลว ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนด้าน AI ที่ไม่สอดรับกับกลยุทธ์องค์กร การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่สามารถรองรับการใช้งาน AI ในอนาคต การพัฒนาโมเดล AI ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการขาดมาตรการด้านความปลอดภัยไซเบอร์และแนวทางนำ AI มาปรับใช้ให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร” นายพชร กล่าว

ทั้งนี้บริษัทฯเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Bundled Services จะช่วยจัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ และทำให้แผนงานด้าน AI Transformation ของลูกค้าประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ จากโครงการที่มีขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูงขึ้นอีกด้วย

โดยกลยุทธ์ Bundled Services มีบริการ AI ขั้นสูงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงกับบริการหลักของบลูบิคอย่างครบวงจร ประกอบไปด้วย

 1) ด้านกลยุทธ์ – การวางกลยุทธ์เพื่อนำ AI ไปประยุกต์ใช้ และเลือกลงทุนในเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม ให้สอดรับกับเป้าหมายของแต่ละองค์กร ตั้งแต่กลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy) กลยุทธ์ด้านข้อมูล (Data Strategy) ไปจนถึงกลยุทธ์ด้าน AI (AI Strategy) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ

2) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที – การพัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการทำงาน และการใช้งานโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนได้อย่างราบรื่น เพื่อรองรับการขยายตัวของระบบดิจิทัลขององค์กรในอนาคต (Scalability)

3) ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร (ERP) – การพัฒนาระบบ ERP โดยนำ AI    มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จะทำให้การนำข้อมูลมาใช้ประมวลผล วิเคราะห์ และประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจเป็นไปอย่างฉับไวและเฉียบคมยิ่งขึ้น

4) ด้านการบริหารจัดการโครงการ – การบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ด้าน AI เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทาย โดยผลักดันให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพนักงานนำเทคโนโลยีไปใช้จริงตลอดทั้งองค์กร (AI Adoption) รวมถึงมีแนวทางที่เหมาะสมตั้งแต่การสื่อสารและจัดการความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้โครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ ทางธุรกิจภายใต้กรอบเวลาและงบประมาณที่กำหนด

5) ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ – การพัฒนาแนวทางด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย       AI Solutions สามารถช่วยตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันความเสียหายจากภัยไซเบอร์ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับการรองรับกลยุทธ์ Bundled Service และการเติบโตในปีหน้า บริษัทฯ ได้เดินหน้าแผนบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือทั้งหมด โดยตั้งเป้าเพิ่ม Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือเป็น 60% ใกล้เคียงกับบริษัทแม่ พร้อมลุยขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดขนาดกลาง ผ่านผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือ รวมถึงเดินเครื่องขยายการให้บริการในตลาดที่มีศักยภาพสูงและต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และใช้เทคโนโลยีทันสมัย อาทิ ภาครัฐ อุตสาหกรรมการผลิต และตลาดต่างประเทศ ที่ความต้องการปรับใช้เทคโนโลยีอยู่ในระดับสูง เช่น ประเทศเวียดนาม

“นับจากนี้ การเดินหน้าปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันได้กลายเป็นพันธกิจสำคัญของธุรกิจ ในฐานะที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เราเชื่อมั่นว่ากระแส AI Transformation จะเปิดโอกาสให้บลูบิค สามารถแสดงศักยภาพการให้บริการ และก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 อย่างเต็มภาคภูมิ ผ่านการขึ้นเป็น  ผู้นำตลาดด้าน AI ซึ่งการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมไปถึงนักลงทุน” นายพชร กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button