IND คว้างานที่ปรึกษาโครงการ “สายสีส้ม” มูลค่า 1.4 พันล้าน ดัน Backlog พุ่งแตะ 3,078 ลบ.
IND คว้างานที่ปรึกษาบริหารโครงการ-ควบคุมงานก่อสร้างรถไฟฟ้า “สายสีส้ม” ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ดัน Backlog พุ่งแตะ 3,077.68 ลบ.
นายรัฐวิชญ์ ณ ลําพูน เลขานุการ บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมงาน (Project Consultant) โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1,413,726,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีระยะเวลาดำเนินการงาน 70 เดือน
ด้าน ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND ผู้ให้บริการงานด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมครอบคลุมงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง,งานบริหารโครงการขนาดใหญ่และควบคุมงานก่อสร้างของภาครัฐ รวมถึงงานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาต่างๆ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญากับการรถไฟฟ้าขนส่งแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นงานสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมงาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1,413,726,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 70 เดือน ส่งผลทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มเป็น 3,077.68 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
“ภาพรวมธุรกิจนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่เริ่มมีงานประมูลออก และเริ่มทยอยส่งมอบงาน ซึ่งการที่บริษัทฯ ได้รับงานจาก รฟม.ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตมากยิ่งขึ้น และเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า IND มีศักยภาพในการบริหารจัดการและมีประสบการณ์ในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต” ดร.พรลภัส กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 เชื่อว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งยังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) จึงคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND กล่าวอีกว่า เชื่อว่าภาพรวมภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐยังมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา รวมถึงโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้ IND มีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการออกแบบและก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ