ปตท. คาดน้ำมันดิบ Brent ปี 68 ลดลง 2.1 เหรียญ เหตุ “อุปทาน” ล้นตลาด
หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. คาดราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในปี 2568 ลดลง 2.1 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มชะลอตัว และอุปทานล้นตลาด
หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 25 – 29 พ.ย. 67 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 2 – 6 ธ.ค. 67 โดย Reuters Poll ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในปี 2568 ลดลง 2.1 เหรียญต่อบาร์เรล จากคาดการณ์ในเดือน ต.ค. 67 มาเฉลี่ยอยู่ที่ 74.5 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มชะลอตัว และอุปทานล้นตลาด
ขณะเดียวกันสำนักงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์อุปทานน้ำมันโลกในปี 2568 จะมากกว่าอุปสงค์ (Surplus) อยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ในกรณีที่กลุ่ม OPEC+ ไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันในส่วนที่เคยอาสาลดการผลิตโดยสมัครใจ (Voluntary Cut) ปริมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
ด้าน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 3/67 (ประมาณการครั้งที่ 2) อยู่ที่เพิ่มขึ้น 2.8% จากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 2/67 อยู่ที่เพิ่มขึ้น 3.0% จากไตรมาสก่อนหน้า)
เนื่องด้วยความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 27 พ.ย. 67 เป็นระยะเวลา 60 วัน โดยวันที่ 30 พ.ย. 67 กองทัพอิสราเอล (Israel Defense Forces IDF) แถลงว่าอิสราเอลใช้เครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีฐานยิงขีปนาวุธพิสัยกลางของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอน
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกชนิดจากเม็กซิโกและแคนาดามาอยู่ที่ 25% และจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% จากภาษีเดิมที่มีอยู่แล้วทันทีที่รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 20 ม.ค. 68 โดยใช้คำสั่งของฝ่ายประธานาธิบดี (ลงนามโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา) ซึ่งนายทรัมป์มีจุดประสงค์ต้องการให้ประเทศดังกล่าวควบคุมการลักลอบขนยาผิดกฎหมายบางชนิดที่ผลิตในจีน อาทิ เฟนทานิล ไม่ให้เข้าสู่สหรัฐฯ