SCB-KBANK-TTB หมดห่วงต้องตั้งสำรองฯ หลัง EA เพิ่มทุน 3.7 พันล้านหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด  (มหาชน) หรือ  EA มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียน 497.33 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 373 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 870.33 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4,973.33 ล้านหุ้น ได้แก่ 1. จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน  3,730 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) อัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท วันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นในวันที่ 17-23 ม.ค. 2568

2. จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1,243.33 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ EA-W1 เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ EA-W1 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุว่า มีความเห็นเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าวต่อกลุ่มเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ต่างมีความกังวลกับหุ้น EA เรื่องปัญหาขาดสภาพคล่อง และยังรวมถึงคุณสมบัติของอดีตผู้บริหารบริษัท จนส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกดดันราคาหุ้น (EA) ผันผวน

ส่วนธนาคารเจ้าหนี้นั้น นักลงทุนต่างกังวลจะได้รับผลกระทบด้านคุณภาพสินเชื่ออ่อนแอลง โดยเฉพาะธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ปล่อยสินเชื่อ (วงเงินกู้) ให้กับ EA มูลค่าเกิน 1 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลเดือน ส.ค. 2567), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB โดย 2 ธนาคารหลังนี้ ต่างปล่อยสินเชื่อในวงเงินให้กับ EA ไม่สูงมากนัก

“ข่าว EA เพิ่มทุนครั้งนี้ รวมถึงการได้พันธมิตรทางธุรกิจ จะช่วยคลายกังวลเรื่องคุณภาพสินเชื่อ และภาระการตั้งสำรองหนี้ในอนาคต ส่วนการตั้งสำรองหนี้ที่ธนาคารต่าง ๆ ได้ตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น อาจจะไม่มีการกลับมาเป็นรายได้ แต่ทั้งนี้ยังถือว่าเป็นเซนติเมนต์เชิงบวกมากกว่าเชิงพื้นฐานต่อธนาคารที่เกี่ยวข้อง คือ SCB KBANK และ TTB” บล.พาย ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ (ส.ค. 2567) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภายใต้ในกรณีเลวร้ายสุด สินเชื่อของ EA ไหลตกชั้นเป็น Stage 3 หรือ NPLs จะทำให้ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของ EA ต้องจัดชั้นและตั้งสำรองหนี้ฯ สูงขึ้นเฉลี่ยเป็น Stage 3 หรือ NPLs จากปัจจุบันที่คาดว่าอยู่ใน Stage 1

ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของ EA และเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่ประเมินว่าธนาคารส่วนใหญ่มีสำรองส่วนเกิน (Management overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงไว้บางส่วนแล้ว

ด้านนายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษที่ 13/2567 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2567 มีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน 497,333,333.30 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 373,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 870,333,333.30 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4,973,333,333 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท

ทั้งนี้ จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 3,730,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering หรือ RO) อัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท ซึ่งกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 16 ธ.ค. 2567 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในช่วงระหว่างวันที่ 17-23 ม.ค. 2568 (รวม 5 วันทำการ)

พร้อมจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,243,333,333 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ EA-W1 เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering หรือ RO) ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ EA-W1 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า

ขณะเดียวกัน บริษัทจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 7 ม.ค. 2568 โดยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น ซึ่งกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 (Record Date) ในวันที่ 16 ธ.ค. 2567

ด้านวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนและแผนการใช้เงินในส่วนที่เพิ่ม ในกรณีที่มีผู้จองซื้อเต็มจำนวน บริษัทจะสามารถระดมทุนได้ประมาณ 7,460 ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัท และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 6,660 ล้านบาท ภายในปี 2570 เพื่อเป็นการลดภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน

และหากบริษัทมีเงินเพิ่มทุนเหลือภายหลังจากการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ ก็จะใช้เงินเพิ่มทุนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 300 ล้านบาท ภายในปี 2570 ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมทั้งเพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทดำเนินการอยู่ 500 ล้านบาท ภายในปี 2569 เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่จังหวัดภูเก็ต กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนของโครงการ (Equity IRR) ประมาณ 15%