NETBAY เดินหน้าหา “พันธมิตรใหม่” ต่อเนื่อง หวังดันรายได้ปี 68 โต 15%

NETBAY เดินหน้าหา “พันธมิตรใหม่” ต่อเนื่อง ยืนยันยังคงรักษาสัดส่วนรายได้ Recurring ไม่ต่ำกว่า 90% ตามแผนการดำเนินปี 68 ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 10-15% ส่วนไตรมาส 4/67 เติบโตใกล้เคียงไตรมาส 2-3


นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจในการพัฒนานวตกรรมแพลตฟอร์ม ให้บริการลูกค้าในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) และให้บริการบนระบบ Cloud Computing เพื่อเชื่อมต่อกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน โดยบริษัทจะเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการภาคเอกชน

โดยธุรกิจหลักของ NETBAY เน้นไปทางด้าน B2G เป็นหลัก พร้อมทั้งนี้สิ่งที่บริษัทฯทำมาตลอด นอกจากการสร้างรายได้และธุรกิจให้เติบโตแล้ว คือการพัฒนาเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และสร้างเสริมทีมงานให้มีประสบการณ์ ความสามารถให้ทำงานออกมาได้อย่างดีแล้ว ทาง NETBAY ยังเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นผู้ให้บริการ Digital Platform End-to-End Document Management Solutions ที่เป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด

ทั้งนี้ หลังจาก NETBAY เข้าร่วมมือกับพันธมิตร 4 ราย อย่าง บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO, บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG, บริษัท ไซเท็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด  หรือ SITEM และ บริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIT ทำให้บริษัทเข้าไปร่วมงานกับทางราชกาลมากขึ้น เช่นการเข้าไปร่วมทำงานในเรื่อง Smart Zoo และร่วมทำงานกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมไปแล้วภายในปี 67

ส่วนหน่วยงานราชกาลอื่นๆ อยู่ระหว่างการทำแผนงานรวมกัน เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมแรกที่ทาง NETBAY ขยับขยายตัวเข้าไปทำงาน นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าเจนเทอร์วูแมนที่เป็นลีดได้รับส่งต่อมาจากทาง DITTO ทำให้เห็นว่าบริษัทสามารถเข้าไปสู่ภาครัฐ และภาคDetail ซึ่งไม่ใช้ฐานดังเดิมของบริษัท นับว่าเป็นการที่บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานร่วมกับพันธมิตร แม้กระทั้งที่จะทำธุรกิจใหม่ร่วมกันในอนาคต

นอกจากนั้น แม้ว่าบริษัทจะมีพันธมิตร 4 รายอยู่แล้วก็ตาม แต่ทางบริษัทก็ยังคงเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ เพราะว่าการทำงานร่วมกับพันธมิตรนั้น จะทำให้บริษัทได้ลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นลูกค้า AIT และคาดการณ์ว่าเร็วๆ นี้ ทางบริษัทจะได้ลูกค้าประมาณอย่างน้อย 10 ราย

นางกอบกาญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการเติบโตในปี 2568 NETBAY มีกลยุทธ์หลัก 5 แกน คือ 1) เติบโตจาก Recurring Base ซึ่งถือเป็น Organic growth 2) สร้างนวตกรรมและ Product ใหม่ๆ 3) เติบโตจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ 4) เติบโตจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านโซลูชั่น และ5) เติบโตจากการทำโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (In-organic growth) ปัจจุบัน เน็ตเบย์มีบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ บริษัท เคลาด์ ครีเอชั่น จำกัด และบริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็น NETBAY ถือหุ้น 100% ทั้ง 2 บริษัท

สำหรับธุรกิจของเคลาด์ ครีเอชั่น เป็นผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการข้อมูล Gateway ระหว่างสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 และสำนักงาน ปปง. เพื่อสนับสนุนการส่งรายงานธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นหลัก

ในขณะที่ธุรกิจของ บริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด จะเน้นให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบครบวงจรภายใต้แนวคิด  “Enhance Business with Smart Compliance Solution” โดยใช้ชื่อแพลตฟอร์มว่า “Check+” ซึ่งเป็นการพัฒนา Feature ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม CDD Gateway เพื่อให้บริการกับกลุ่มสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 และกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ ที่มีความต้องการนำ IT Compliance เข้าไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้อง

โดยในปี 2568 ฟินเน็ตจะเน้นขยายธุรกิจเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวไปยังผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ซึ่งได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงในกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติม

“อย่างไรก็ดี ตามแผนการดำเนินปี 2568 ที่บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 10-15% และยังคงรักษาสัดส่วนรายได้ Recurring ไม่ต่ำกว่า 90% นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดเติบโตใกล้เคียงไตรมาส 2-3 ของปี 2567 ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 15.33% และ 17.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ตามลำดับ” นางกอบกาญจนา กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button