ลุ้นวินโดว์เดรสซิ่ง-Thai ESG ดันหุ้นสิ้นปีแตะ 1,500 จุด
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2567 มีลุ้นดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปีจะแตะระดับ 1,500 จุดได้ ยิ่งเป็นเดือนธันวาคม
เส้นทางนักลงทุน
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2567 มีลุ้นดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปีจะแตะระดับ 1,500 จุดได้ ยิ่งเป็นเดือนธันวาคม สิ่งที่คาดหวังไว้จึงอยู่ที่นักลงทุนสถาบันจะทำวินโดว์เดรสซิ่ง (Window Dressing) เพื่อโชว์ตัวเลขสวย ๆ ส่งท้ายปี และกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทต่าง ๆ จะระดมเงินกันลงทุน ซึ่งจะหนุน SET Index ไปต่อ
- หวังเงิน Thai ESG ดันตลาด
“ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ พบว่า ในมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX เดือนธันวาคมไว้ที่ 1,380-1,460 จุด ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจไทย (GDP) เติบโตช้า แต่ยังมีโอกาสจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐเป็นรูปธรรมมากขึ้น เม็ดเงินงบประมาณคงเหลือและงบประมาณใหม่ปี 2568 จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ไปถึงปีหน้า
ขณะที่ เม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund :Thai ESG) จะไหลเข้าตลาดหุ้นไม่เต็มที่ เพราะอาจถูกแบ่งเข้าไปในตลาดตราสารหนี้ครึ่งหนึ่ง รวมถึงตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากการขายกองทุนรวมระยะยาว (Long Term Equity Fund : LTF) ที่ครบกำหนดอายุ และบางส่วนสลับเข้ามาซื้อกองทุน Thai ESG ประเภทตราสารหนี้แทน นอกจากนี้ช่วงต้นปีหน้า ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญเม็ดเงิน LTF ทั้งหมดพร้อมขายกว่า 2.4 แสนล้านบาท
ปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการปลี่ยนแปลงการเมืองโลก มีน้ำหนักนำไปสู่ยุค Deglobalization ซึ่งหลาย ๆ ประเทศมีความจำเป็นที่จะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ซึ่งตลาดการเงินไทยมีความเสี่ยงที่พึงระวัง คือ ความกังวลการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสหรัฐฯ จะกดดันเงินทุน (Fund Flow) บางส่วนไหลออกจากไทยไปสหรัฐฯ
ขณะที่การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ กดดันการส่งออกของไทยที่มีสัดส่วนสูง 69% ของ GDP โดยเฉพาะไทยพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีสัดส่วน 17% ของการส่งออกทั้งหมด ส่วนการส่งออกไปจีนมีอุปสรรคซัพพลาย (Supply) เพิ่มขึ้นจากการตั้งกำแพงภาษีจีน-สหรัฐฯ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐฯ และไทย อาจถูกตรึงไว้ในระดับสูงนานขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนมากขึ้น ส่วน FUND FLOW ต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย เพราะกังวลต่อนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ และการที่กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในอนาคต หรือ TRAILING P/E ตลาดหุ้นไทยเกิน 20 เท่า ยังดูแพงในเชิงเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน
ในมุมของบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า SET Index น่าจะทรงตัวอยู่ได้ที่ระดับ 1,430-1,450 จุด จากสภาพคล่องของนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับสูง ทั้งจากกองทุนวายุภักษ์ และ Thai ESG แต่โมเมนตัมของการปรับลดประมาณการพื้นฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียนอาจจะจำกัดอัพไซด์ (Upside) ของ SET Index ได้
ขณะที่ มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ธันวาคม รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 17-18 ธันวาคม และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 2.25% ตลอดจนความเป็นไปได้ในการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลไทย
- มองปี 2568 แตะ 1,600 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส มองปี 2568 ในมุม VALUATION ภายใต้ EPS ที่ 97 บาท/หุ้น ตั้งสมมติฐานดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงทรงตัวในระดับ 2.25% ประเมิน SET Index เป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 1,600 จุด แต่ถ้ามีการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้ง เหลือ 2.0% จะได้ SET Index เป้าหมายที่ 1,670 จุด ภายใต้ Upside ของตลาดที่จำกัด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำควรใช้วิธีเลือกซื้อ หรือ SELECTIVE BUY โดยให้คำแนะนำหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ที่เรียกว่าหุ้น DEGLOBALIZATION ที่มีพื้นฐานดี เพื่อเป็นเกราะป้องกันการลงทุน เช่น CRC, MAJOR, MTC, ADVICE, CBG, SIRI
จากคาดการณ์ของโบรกเกอร์ SET Index ตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้อาจจะลุ้นเหนื่อย ส่วนปีหน้าค่อยมาว่ากันใหม่อีกที