CGSI แนะซื้อ CPALL เป้า 80 บาท รับแผนบุกตลาดตลาด “กัมพูชา-ลาว”
“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” แนะนำซื้อหุ้น CPALL ราคาเป้าหมาย 80 บาท มองยอดขายสาขาเดิมโตจากการขยายสาขาในกัมพูชา และสปป.ลาว
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าได้จัดการประชุมทางโทรศัพท์กับผู้บริหารของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ในงาน “CGSI Regional Consumer Conference” เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา ซึ่ง CPALL มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่แข็งแกร่งและการขยายสาขาเชิงกลยุทธ์
โดย SSSG ในเดือนต.ค.-พ.ย. 67 อยู่ที่บวก 4-5% เพราะได้ประโยชน์จากปัจจัยฤดูกาล, สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงมาตรการแจกเงินที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนที่ของประชากรและการใช้จ่าย โดย CPALL ตั้งเป้าขยายเครือข่ายสาขาในประเทศไทยเป็น 20,000 สาขา จาก 15,053 สาขาเมื่อสิ้นเดือนก.ย.67 เพื่อให้เป็นไปตามแผนเปิดสาขาใหม่ 700 สาขาต่อปี
ขณะที่บริษัทจะเน้นขยายสาขาแบบ standalone ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 60% ของจำนวนสาขาเปิดใหม่เนื่องจากสาขารูปแบบนี้สามารถดึงดูดลูกค้าที่มียอดซื้อสูงกว่าและสามารถนำเสนอสินค้าได้หลากหลายมากขึ้นเช่น อาหารพร้อมทาน, เบเกอรี่และกาแฟสด ซึ่งผู้บริหาร CPALL ระบุว่า สาขาที่มีขนาดใหญ่กว่าเหล่านี้ จะมีระยะเวลาคืนทุนนานกว่าเล็กน้อย แต่เป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในระยะยาว
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า CPALL เดินหน้าขยายกิจการในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว จึงทำให้จำนวนสาขาในกัมพูชาอยู่ที่ 98 สาขา และลาวอยู่ที่ 9 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3/67 โดยปัจจุบันสาขาในกัมพูชาสามารถทำกำไรในระดับสาขาได้แล้ว CPALL จึงมีแผนจะลงทุนระบบอัตโนมัติและขยายเครือข่ายสาขาในประเทศนี้จนแตะ 200-300 สาขา
ขณะที่กิจการในลาวยังค่อนข้างเล็ก แต่มีความคืบหน้าสม่ำเสมอ นอกจากนี้ CPALL ยังมีแผนจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาในตลาดเหล่านี้เพื่อร่วมมือกับ supplier ของไทยและขยายการให้บริการ รวมทั้งเพิ่มจำนวนสินค้าที่นำเสนอ
ผู้บริหาร CPALL ระบุว่า บริษัทจะเน้นปรับส่วนผสมผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารพร้อมทาน (RTE) และ สินค้า personal care ซึ่งยังคงช่วยหนุนอัตรากำไร โดย RTE มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 25% ก่อนโควิด-19 เป็น 28-29% ในปัจจุบัน และทำสถิติสูงสุดที่ 30% ในช่วงไฮ-ซีซั่น ส่วนแผนในอนาคตคือการค่อยๆ เพิ่มสัดส่วน RTE, เกาะกระแสสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ และนำเสนอสินค้าระดับพรีเมี่ยม
นอกจากนี้ อัตรากำไรของสินค้า non-food ยังเพิ่มขึ้น 110bp จากปีก่อนในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากยอดขายบุหรี่ลดลง ในขณะที่ยอดขายสินค้า personal care และสินค้าเพื่อสุขภาพที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” CPALL ที่ราคาเป้าหมาย 80 บาท จากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและฐานกำไรที่ใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม CPALL อาจมี downside risk หากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป, มีการเปลี่ยนแปลงด้านการกำกับดูแล (เช่นการควบคุมปริมาณโซเดียม) และมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนปัจจัยบวกคือการที่บริษัทขยายสาขาในกัมพูชาและสปป.ลาวเร็วกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT สูงกว่าคาด เพราะได้ประโยชน์จาก synergy ระหว่าง Makro และ Lotus’s มากกว่าคาด