พีระพันธุ์โมเดล

กังขาจริง ๆ นะครับกับนโยบาย “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค...เป็นนโยบายดี หวังปลดทุกข์ประชาชน


กังขาจริง นะครับกับนโยบาย รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค…เป็นนโยบายดี หวังปลดทุกข์ประชาชน หรือนโยบายหาความนิยมส่วนตน และ/หรือ พรรคการเมืองรวมไทยสร้างชาติที่สังกัด

นโยบายนี้คงตั้งสมมติฐานมาจากว่านโยบายพลังงานที่ผ่านมา มีการปล่อยปละละเลยให้หน่วยงานรัฐค้ากำไรเกินควร หรือไม่ก็มีกระบวนการทำงานไม่โปร่งใส จึงต้องทำการรื้อ-ลด-ปลด-สร้างใหม่

แต่จากข้อมูลความเป็นจริง เช่น โครงสร้างราคาน้ำมันในเวลานี้ (ข้อมูล ณ 12 ธ.ค. 67) แก๊สโซฮอล์ E10 ราคาจำหน่ายปลีก 35.75 บาท/ลิตร ก็เป็นราคาเนื้อน้ำมันหน้าโรงกลั่น 19.19 บาท หรือ 53% แล้ว ที่เหลือก็เป็นราคา++ซึ่งราคาใหญ่ที่สุดคือภาษีสรรพสามิต

ตามมาด้วยค่าต๋งกองทุนน้ำมัน ภาษีเทศบาล กองทุนอนุรักษ์พลังงาน ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 เด้งทั้งตอนค้าส่งและค้าปลีก เหลือแค่ “ค่าการตลาด” มาหาร 2 โดยประมาณให้กับสถานีจำหน่ายน้ำมันและบริษัทค้าน้ำมันในราว 3.10 บาทเท่านั้น

มันไม่ได้มากมายอะไรหรอก สำหรับการลงทุนน้ำมัน 32 บาท/ลิตร แล้วมีมาร์จิ้นกำไรแค่ 1.50 บาทเท่านั้น

โครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล B7 ยิ่งบีบรัดเข้าไปใหญ่ ราคาจำหน่ายปลีก 32.94 บาท แต่ราคาเนื้อน้ำมันหน้าโรงกลั่น 19.96 บาท ก็ปาเข้าไป 60% แล้ว เจอราคา++เข้าไปแบบเดียวกับเบนซิน ก็เหลือแค่มาร์จิ้นให้ปั๊มกับบริษัทไปแบ่งกันแค่ 1.90 บาทเท่านั้น

นี่มันอะไรกันเนี่ย กำไรเบื้องต้นก็แคบ ลงทุนตั้ง 31 บาทได้มาร์จิ้นแค่ 1.90 บาท ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าขนส่ง และค่าบริหารจัดการ

การค้าน้ำมันในระบบ มันไม่ได้มีกำไรมากมายอะไรหรอกครับท่านรัฐมนตรี ยกเว้นไปค้าน้ำมันเถื่อน หรือซิกแซกไปใช้มาตรา 10 แทนมาตรา 7 ของผู้ค้าน้ำมันบางราย ที่มีอำนาจการเมืองหนุนหลังอยู่

ปตท.ภายใต้กำกับท่าน ถึงต้องดิ้นรนไปหารายได้จากธุรกิจนัน-ออยล์ไง ซึ่งปั๊มตราฝรั่งอื่น ๆ ก็ต้องเดินตามรอยปตท.ทั้งนั้น ไม่เช่นนั้น ก็ต้องเจ๊ง ยอมขายกิจการ เผ่นออกจากตลาดเมืองไทยไป

ผมไม่เถียงหรอกครับว่า การดำเนินนโยบายรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ทำให้ท่านพีระพันธุ์เป็น “ฮีโร่” ได้รับความนิยมจากประชาชนขึ้นมามาก แต่ก็ไม่ควรจะเล่นเพลินจนโรงไฟฟ้าแม่เมาะดับ และทำให้เศรษฐกิจในภาคเหนือย่อยยับก็เป็นได้นะครับ

เหตุเกิดจากการที่ท่านรมต.สั่งระงับการประมูลสัญญาขุดเจาะและขนถ่านหินลิกไนต์เหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 8/1 ที่บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ เป็นผู้ชนะประมูลไปแล้วในราคา 7.1 พันล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 7.2พันล้านบาท โดยคู่แข่งคือ อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ตกรอบแรกตั้งแต่ขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ และยื่นอุทธรณ์

งานนี้พล.ท.เจียรนัย วงศ์สอาด นัยว่าเป็นคนสนิทของท่าน เป็น 1 เดียวในบอร์ดกฟผ.ที่คัดค้านการเซ็นสัญญา และรมต.พีระพันธุ์ก็สั่งการให้ผู้ว่าการกฟผ.ระงับการเซ็นสัญญาไว้ก่อน พร้อมกับตั้งพล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษรซึ่งมีชื่อเสียงในโลกโซเชียล เข้าเป็นประธานสอบ แต่บัดนี้แล้วพล.ต.ท.เรวัช ก็ยังไม่เข้ามาทำงานตรวจสอบแต่อย่างใด

คาดการณ์กันว่า หากผลสอบไม่ได้ข้อยุติภายในเดือนก.พ.ปีหน้า ก็จะทำให้กำลังผลิตกระแสไฟฟ้าของแม่เมาะหายไป 600 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตทั้งสิ้น 2,200 เมกะวัตต์ อันจะก่อให้เกิดไฟฟ้าดับ สร้างผลเสียหายทางเศรษฐกิจในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย

กับอีกประการหนึ่ง การที่กำลังผลิตกระแสไฟฟ้าจากถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ก็จะส่งผลให้ค่า Ft งวดค่าไฟมค.-เม.ย.สูงขึ้นด้วย เพราะตัวแชร์ที่มีต้นทุนต่ำสุดหายไป

การลดค่าไฟลง 3 ส.ต.เพื่อเสริมฐานะ “ฮีโร่” จะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใดเลย นำไปชดเชยลดภาระกฟผ.ที่แบกอยู่ 7 หมื่นกว่าล้านบาท ยังจะดีเสียกว่าอีก

ขอร้องเถอะท่านรมต. อย่าเล่นบท “ฮีโร่” จนโรงไฟฟ้าดับ เศรษฐกิจภาคเหนือเจ๊ง และคนทั้งประเทศต้องใช้ไฟฟ้าแพงขึ้นอีกเลย

ชาญชัย สงวนวงศ์

Back to top button