พาราสาวะถี

จบไปแล้วกับการแถลงผลงาน 90 วันของ แพทองธาร ชินวัตร ภายใต้สโลแกน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” พร้อมมอบนโยบายให้แก่รองนายกฯ รัฐมนตรี


จบไปแล้วกับการแถลงผลงาน 90 วันของ แพทองธาร ชินวัตร ภายใต้สโลแกน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” พร้อมมอบนโยบายให้แก่รองนายกฯ รัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบในแต่ละนโยบาย ซึ่งมี ครม. ข้าราชการระดับสูง รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก นายกฯ หญิงย้ำว่า ผลงานที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากการบริหารงานจากรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน การทำงานวันนี้ทำให้ทุกคนคือทีมเดียวกัน และจะร่วมกันเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ วางรากฐานของประเทศไทยในทศวรรษหน้าให้คนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี

ที่ถูกจับตามองคือทิศทางของประเทศในปีหน้าจะเป็นอย่างไร โดยแพทองธารได้ประกาศว่า ปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาส รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นจริง นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภารวมทั้งสิ้น 11 นโยบาย แบ่งเป็นนโยบายระยะยาว ที่ต้องทำในเชิงโครงสร้าง 6 นโยบาย คือ การจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง การแก้ปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ปัญหายาเสพติด การทลายการผูกขาด การแก้ปัญหาธุรกิจนอกระบบ และนโยบายการลงทุนครั้งใหญ่ในอนาคต

ขณะที่นโยบายซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้ามีจำนวน 5 นโยบาย คือ โครงการ SML หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน ดิจิทัลวอลเล็ต การแก้หนี้ครัวเรือน และบ้านเพื่อคนไทย สองโครงการแรกเป็นการปัดฝุ่น ต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลไทยรักไทยเคยทำไว้ในอดีต ส่วนอีก 3 นโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ตก็ต้องดูว่าจะขยับได้มากกว่าที่กำลังทำอยู่ขนาดไหน ที่น่าสนใจคงเป็นเรื่องการแก้หนี้ที่เน้นไปที่หนี้รถยนต์และบ้าน ทำได้มากขนาดไหน เช่นเดียวกันกับโครงการบ้านเพื่อคนไทย เรียกได้ว่า เป็นการเดินหน้าประชานิยมเต็มรูปแบบ

ก่อนที่ลูกสาวจะแถลง 1 วัน ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปพูดบนเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี เกริ่นเป็นน้ำจิ้มไปก่อนแล้วว่า นายกฯ อิ๊งจะแถลงเรื่องแก้หนี้ครัวเรือน ทั้งบ้านและรถยนต์ หวังว่าประชาชนจะได้รับข่าวดี ๆ พวกขาประจำย่อมนำไปตีความว่า นี่ไงสิ่งที่ทักษิณคิดเพื่อไทยหรือรัฐบาลนำไปทำ เข้าข่ายครอบงำหรือเปล่า แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเช่นนั้น บทบาทในฐานะพ่อทั้งของนายกฯ หญิง และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย่อมพูดคุย ปรึกษาหารือ และชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

เมื่อเป็นเรื่องที่ไม่ได้สร้างความเสียหาย มิหนำซ้ำ ยังทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่ว่าใครจะคิดก็ตาม การนำไปแปรเป็นผลงานของรัฐบาลย่อมสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ของการไปอุบลฯ ครั้งนี้ของนายใหญ่ คงเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อในประเด็นร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกลาโหมที่เสนอโดย ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย โดยคำตอบของทักษิณนั้น สามารถแยกได้ 3 ประเด็นที่ต้องขีดเส้นใต้ทั้งหมด

อย่างแรกคือ ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ผ่านความเห็นหรือเป็นที่รับรู้ภายในพรรค โยนให้เป็นความคิดและแนวทางส่วนตัวของ สส.ถึงขั้นที่มองได้ว่า เป็นการยื่นโดยพลการ เรื่องที่มีการอ้างนายใหญ่ ยังทำให้อดีตนายกฯ ตกใจ สรุปได้ว่าประเด็นร้อนนี้ยังไม่ผ่านกระบวนการของพรรค เพราะถ้าผ่านตามขั้นตอนย่อมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนหัวเขียงต้องถอนร่างดังกล่าวไปโดยปริยาย แต่ก็ยังยืนกรานว่าหลังปรับแก้แล้วจะเสนอร่างกฎหมายนี้ใหม่อีก

เป็นการแสดงท่าทีที่ไม่ให้ตัวเองเสียหน้า อย่างที่บอกว่าคราว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งที่ทำงานมาดี ๆ จู่ ๆ ก็คนหัวเขียงรายนี้ที่เป็นผู้ลุกขึ้นมาเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย จนเป็นสารตั้งต้นให้เกิดม็อบนกหวีด นำไปสู่การรัฐประหารของเผด็จการ คสช. แม้หนนั้นเป็นที่รู้กันว่านายใหญ่ถูกหลอก และมีคนรับบัญชาเดินหน้าแบบหัวชนฝา ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ นั่นจึงทำให้คนมองว่าเช่นนี้แล้ว ชินวัตรคนที่สามมีโอกาสที่จะถูกยึดอำนาจอีกหรือไม่

นั่นเป็นอีกประเด็นที่เกิดจากบทสัมภาษณ์ของทักษิณหนนี้ที่บอกอย่างหนักแน่น รับรองรัฐประหารไม่มีแล้ว โดยขมวดปมให้น่าสนใจว่ามีอะไรที่เยอะกว่านั้น แต่บอกไม่ได้ อย่างน้อยวิธีการเปลี่ยนรัฐบาลมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐประหาร น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เพื่อไทยยอมเป็นฝ่ายถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์แล้วเกิดรัฐบาลพลิกขั้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่อดีตนายกฯ ว่า รัฐประหารหากเกิดขึ้นอีกประเทศชาติจะเสียหาย เพราะปีที่ผ่านมา ประเทศช้ำหนักมาก ทำให้การแก้ปัญหาต่าง ๆ มันยากขึ้น

แทบไม่ต้องขยายความกันว่าเหตุใดจึงทำให้ทักษิณมั่นใจขนาดนั้น บนเวทีปราศรัยที่เจ้าตัวประกาศถึงเหตุผลการกลับมาช่วยบ้านเมืองหนนี้ คงเป็นตัวบ่งชี้ถึงเสถียรภาพของรัฐบาล พลังวิเศษที่จะช่วยอุ้มชูให้รัฐนาวาพลิกขั้วอยู่รอดปลอดภัย แน่นอนว่า ปมร่างกฎหมายกลาโหมก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เห็นท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ในการทำตัวเป็นฝ่ายขวางหลายเรื่องในซีกรัฐบาลที่จุดพลุโดยเพื่อไทย ซึ่งนายใหญ่ก็ได้สะกิดเตือนด้วยท่วงทำนองที่ทำให้คนที่ถูกพูดถึงสะอึกไม่น้อย โดยบอกว่าภูมิใจไทยอาจจะพูดเร็วไปหน่อย ยังไม่ได้ถามว่าเป็นมติของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ 

รีบหล่อเร็วไปนิด ขอให้หล่อช้า ๆ หน่อย ยืนยันไม่ต้องมีอะไรอธิบาย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องฝึกการทำงานร่วมกัน พร้อมบอกด้วยว่าไม่จำเป็นต้องโทรเคลียร์ คนที่หล่อเร็วขอให้หล่อช้านิดนึง ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าการแสดงออกของพรรคสีน้ำเงิน เหมือนการเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นการตอกกลับแบบนิ่ม ๆ ว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มีอะไรต้องปรึกษาหารือ สอบถามกันให้แน่ใจ จะทำงานร่วมกันต้องให้เกียรติกัน ที่ผ่านมาอาจจะเคยกดบางพวก บางพรรคได้ แต่ไม่ใช่กับพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน บอกแล้วว่าหน้าฉากจะแสดงกันอย่างไร แต่หลังฉากต้องคุยกันให้ตกผลึก หากคิดว่าจะอยู่ด้วยกันจนครบเทอม

เข้าทางไอ้เสือเผ่นเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐมีมติขับ 20 สส.ก๊วน ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นพรรค จากนี้ไปมีเวลา 30 วันที่ทั้งหมดจะไปหาสังกัดใหม่ แน่นอนว่า แนวโน้มที่จะไหลไปรวมกันที่พรรคกล้าธรรม ที่มี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าแต่งตัวรออยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย การจากกันครั้งนี้โดยภาพอันเป็นไปด้วยดี แต่ย่อมมีเบื้องหลังที่ว่ากันว่า ทุกอย่างต้องมีต้นทุน ส่วนอนาคตของคนบ้านในป่าฐานะหัวหน้าพรรคนั้นยังคงอึมครึมต่อไป สุดท้ายคงหนีไม่พ้นต้องวางมือตามระเบียบ

อรชุน

Back to top button