AOT หุ้นในดวงใจ รับนักท่องเที่ยวล้น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าปี 2568 จะเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรก
เส้นทางนักลงทุน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าปี 2568 จะเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรก อันเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้อนาคตของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. หรือ AOT ยังคงสดใสต่อเนื่อง จากที่ทำได้ดีในไตรมาส 4 ปี 2567 (ตามปีงบประมาณ) ซึ่งโชว์ตัวเลขรายได้อยู่ที่ 1.68 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4.27 พันล้านบาท เติบโต 9.2% และ 24.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยจำนวนผู้โดยสารรวมพุ่งขึ้นถึง 13.6% มีจำนวน 29.2 ล้านคน เช่นเดียวกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 11.6% เป็น 181,131 เที่ยว
ตัวเลขผลการดำเนินงานของ AOT ที่โชว์ออกมานี้ สะท้อนภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งในปี 2567 AOT มีรายได้จากธุรกิจการบินคิดเป็น 46% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบินคิดเป็น 54% ของรายได้ อย่างไรก็ตามในปี 2567 AOT อาจได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วน ซึ่งจะจำกัดศักยภาพการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์
- หุ้นในดวงใจโบรกเกอร์
จากสัญญาณจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยยังคงคึกคัก ส่งผลให้ AOT ถูกยกให้เป็นหุ้นในดวงใจของโบรกเกอร์ และส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่ายังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) มีมุมมองแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในระยะยาว แม้ในระยะสั้น AOT น่าจะได้รับผลกระทบจากการคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วนจากผู้รับสัมปทานและพื้นที่สำนักงานบางส่วน จึงจำกัดศักยภาพการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งตามปกติแล้วจะมีความสามารถในการทำกำไร (margin) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
แต่เมื่อมองในระยะยาว การเปลี่ยนแนวทางพัฒนาสนามบินจะทำให้มาตรฐานของสนามบินสูงขึ้น ทั้งในส่วนของสนามบินที่ใหญ่ที่สุด (สุวรรณภูมิ) และสนามบินที่คับคั่ง (ภูเก็ต) รวมถึงสนามบินอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ AOT ด้วย นอกจากนี้คาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) อีกในอนาคต
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ชี้ว่าแนวโน้มกําไรรายไตรมาสจะไต่ระดับต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1-2 ปี 2568 (ต.ค. 2567-มี.ค. 2568) หนุนด้วยทิศทางรายได้เติบโตตามฤดูกาล (Seasonality) ของท่องเที่ยวไทย และเป็นแรงส่งให้มาร์จิ้นดีขึ้นจากค่าใช้จ่ายขึ้นช้ากว่ารายได้
หลังต้นทุนส่วนใหญ่คงที่ โดยกําไรปี 2568 รับผลกระทบจากการขอคืนพื้นที่ดิวตี้ฟรี (Duty free) บางส่วนเต็มปี แต่ประเมินจํานวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเติบโต ทําให้กําไรเพิ่มขึ้น
คาดกําไรปี 2569-2570 ขยายตัวเฉลี่ย 18% ต่อปี ขับเคลื่อนด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยตามมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวของรัฐบาล และไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- กำไรโตต่อเนื่อง แนะนำ ‘ซื้อ’
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 72 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส มอง AOT ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 69 บาท แนะนํา “Outperform” จากแนวโน้มกําไรไต่ระดับเป็นขั้นบันไดอีก 2 ไตรมาส (ยังไม่รวมผลของการปรับขึ้นค่า PSC ทั้งขาออกและ Transit) และทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับประมาณการกำไรเล็กน้อยเพิ่มเพียง 2-3% สำหรับปี 2568-2570 สะท้อนการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงของการเรียกคืนพื้นที่จาก KPS หรือ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ เพื่อก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออก หรือราว 4.97% ของพื้นที่ KPS ทั้งหมด ย้อนหลังตั้งแต่ 30 กรกฎาคม 2564 ถึง 1 มีนาคม 2568 ซึ่งผลกระทบต่อรายได้แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.การจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำ (MAG) ตั้งแต่ 1 เมษายน 2566 ถึง 31 มีนาคม 2567 จำนวน 193.08 ล้านบาท 2.การจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 ถึง 1 มีนาคม 2568 จำนวน 23.46 ล้านบาทต่อเดือน
แต่ยังมองบวกต่อ AOT จากการมีส่วนร่วมในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย การสิ้นสุดของผลกระทบด้านลบที่เกี่ยวข้องกับคิง เพาเวอร์ โอกาสการเติบโตจากการประมูลสัมปทาน (MRO, คาร์โก้ และผู้ประกอบการรายที่ 3 ที่สุวรรณภูมิ) และการปรับแผนการลงทุนของ AOT ให้เหมาะสมภายในปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 75 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ระบุว่า AOT ยังคงเป็นหุ้นที่ชอบที่สุดในกลุ่มฯ เพราะเห็นภาพการฟื้นตัวชัดเจนที่สุดตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย
แนวโน้มในไตรมาส 1 ปี 2568 (ต.ค.-ธ.ค. 2567) กำไรจะเติบโต หนุนจากจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินต่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามรายได้ที่ได้รับจากคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จะลดลงประมาณ 25 ล้านบาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 เป็นต้นไป เนื่องจาก AOT ขอคืนพื้นที่ ทำให้สัญญาเช่าและเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลง เพื่อนำพื้นที่ไปก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออก ประเมินเบื้องต้นว่าผลกระทบต่อกำไรปี 2568 ที่ 1% แต่การฟื้นตัวชัดเจน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 75 บาท
มุมมองของโบรกเกอร์เหล่านี้ สะท้อนว่ากำไรของ AOT ยังดีต่อเนื่อง แม้จะต้องสูญเสียรายได้ค่าเช่าพื้นที่บางส่วน แต่จะส่งผลดีในอนาคต