ปี 2568 ธุุรกิจโรงแรมแนวโน้มเติบโตต่อ

ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมเติบโตดีในปี 2567 และมีแนวโน้มว่าจะดีต่อเนื่องในปี 2568 ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว


เส้นทางนักลงทุน

ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมเติบโตดีในปี 2567 และมีแนวโน้มว่าจะดีต่อเนื่องในปี 2568 ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว โดยเป็นการฟื้นตัวของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเติบโตของนักท่อเงเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของศูนย์เศรษฐกิจและธุุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC ระบุว่า ในปีนี้ภาคธุุรกิจโรงแรมเติบโตได้ทั้้งอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ย โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่่ยทั้งประเทศคาดปรับเพิ่มขึ้นมาราว 72% ขณะที่ราคาห้องพักเติบโตสูงกว่าปี 2562 ราว 8% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดเดินทางเข้าไทย 36 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยท่องเที่ยวในไทย 270 ล้านคน

ธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ 1.กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตระดับบน ซึ่งรองรับกลุ่มกำลังซื้อสูง เช่นตะวันออกกลาง 2.กลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และในเมืองรองน่าเที่ยวที่ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริม 3.กลุ่มโรงแรมที่สามารถปรับตัวให้สอดรับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว เช่น กลุ่มใส่ใจสุขภาพ

ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยกดดันธุรกิจโรงแรม เพราะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้า

ภาคธุรกิจโรงแรมมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ใช้บริการที่พัก การจัดจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม การจัดเลี้ยงและการประชุมสัมมนา รวมถึงการให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น สปา พื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งในไทยมีให้บริการตั้งแต่โรงแรมระดับ 1 ดาว ถึง 5 ดาว, รีสอร์ต, วิลล่า, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, โฮสเทล, โฮมสเตย์ การจัดการธุรกิจโรงแรมมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนอกจากจะบริหารและดำเนินการภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว ผู้ประกอบการบางส่วนหันมาใช้บริหาร/รับจ้างบริหารให้แบรนด์โรงแรมชั้นนำเพื่อให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น

โดยผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มีรายได้หลักมาจากการให้บริการด้านที่พักอาศัย (ASIA, MANRIN, CENTEL, DUSIT, LRH, ERW, VRANDA, BEYOND, GRAND, OHTL, ROH, SHANG, MINT, SHR) 2.กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่รายได้หลักมาจากธุรกิจอื่น (SPA ซึ่่งรายได้หลักมาจากธุุรกิจสปาเพื่่อสุุขภาพและเวลเนส)

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมอยู่ระหว่างการฟื้นตัว เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2563 ฟื้นตัวมาอยู่ที่ 28 ล้านคน จากที่เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน ในปี 2562 ธุรกิจโรงแรมจึงต้องพึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งภาครัฐได้ออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกันทั้ง 5 เฟส ที่สามารถจูงใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขในปี 2563 สูงกว่าปี 2562 ราว 9% มาอยู่ที่ 248 ล้านคน ส่งผลบวกให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว สะท้อนจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 69% ของอุปทานห้องพักทั้งหมด ใกล้เคียงปีก่อนหน้าที่ 70% ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยฟื้นตัวอยู่ที่ 83% จากปีก่อน เพราะการจัดโปรโมชั่น

ในช่วง 11 เดือนที่่ผ่านมาของปี 2567 ภาคการท่องเที่่ยวของไทยกลับมาคึกคักได้อีกครั้้งจากจำนวนนักท่องเที่่ยวต่างชาติที่่เดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 32 ล้านคน โดย 5 อันดับนักท่องเที่่ยวต่างชาติที่่เดินทางเข้าไทยสููงสุุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักสัดส่วนราวครึ่่งหนึ่่งของนักท่องเที่่ยวต่างชาติที่่เดินทางเข้าไทยทั้้งหมด

อีกทั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงโค้งสุดท้ายของปียังมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวระยะไกลอย่างยุโรปและรัสเซีย ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 มีโอกาสแตะ 36.2 ล้านคน สร้างรายได้ให้ภาคท่องเที่ยวราว 1.7 ล้านล้านบาท และในปี 2568 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่่ราว 39.4 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ที่่มีแนวโน้มเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น และการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาติอื่น

การท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวไทยยังเติบโตดีต่อเนื่่อง มีแนวโน้มเดินทางไปเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) มากขึ้น ตามมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ทั้้งมาตรการลดหย่อนภาษี รวมถึงโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ส่งผลให้ในปี 2567 ไทยเที่ยวไทยเติบโตราว 9% มาที่ 270.2 ล้านคน และในปี 2568 คาดจะเติบโตชะลอตัวเล็กน้อยที่่ 2% จากปีก่อน มาที่่ 275.6 ล้านคน เพราะความเปราะบางของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่าและแพ็กเกจเที่ยวต่างประเทศราคาประหยัด

ส่วนปี 2568 อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยยังเติบโตต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 39 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยขยายตัวมาที่ 276 ล้านคน สถานการณ์การท่องเที่ยวในไทยที่่กลับสู่ภาวะปกติ โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่่ 74% และราคาห้องพักเฉลี่ยปรับสูงขึ้นราว 5% จากปีก่อน

อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญการแข่งขันสูงขึ้นทั้งจากอุปทานห้องพักที่ทยอยเปิดให้บริการ สะท้อนได้จากตัวเลขการออกใบอนุุญาตก่อสร้างเพื่่อการโรงแรมในช่วงปี 2564-2566 กว่า 5,600 อาคารทั่่วประเทศ

ตลอดจนตัวเลขการออกใบอนุุญาตก่อสร้างเพื่่อการโรงแรมทั่่วประเทศในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 เพิ่่มสููงถึงกว่า 1,200 อาคาร หรือเพิ่่มขึ้้นกว่า 38% จากงวดปีก่อน

ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่่ที่่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเมืองรองที่ได้รับความนิยม เช่น ในภาคใต้ อาทิ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พังงา ส่วนเมืองรอง อาทิ น่าน เชียงราย และ จันทบุุรี

ซึ่งอาจส่งผลให้เข้าสู่ภาวะอุุปทานห้องพักส่วนเกินในบางพื้้นที่่กดดันการเติบโตของอัตราการเข้าพักเฉลี่่ยในระยะข้างหน้า ดังนั้นผู้ประกอบการโรงแรมมีโอกาสหันมาใช้กลยุุทธ์ด้านราคามากขึ้้นในการดึงดููดนักท่องเที่่ยวและจะกระทบต่อการเติบโตของราคาห้องพักเฉลี่่ยตามไปด้วย

ในปี 2568 แม้ภาคธุรกิจโรงแรมจะกลับสู่ภาวะปกติตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่การแข่งขันที่รุนแรงจากอุปทานห้องพักก็ทำให้ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับความท้าทายอยู่

Back to top button