บลจ.ยูโอบีมองเศรษฐกิจไทยแกร่งขึ้นแนะนำเน้นน้ำหนักการลงทุนในระยะยาว

บลจ.ยูโอบีมองเศรษฐกิจไทยแกร่งขึ้น แนะนำเน้นน้ำหนักลงทุนในระยะยาว


นางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในแง่ของพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการลงทุนไม่ได้มีอะไรใหม่แต่นักลงทุนตอบรับข่าวเร็วและมากขึ้นจึงทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น

โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้คาดว่าจะโตต่อเนื่องเป็น 3.4% จากปีที่แล้ว 3.1% โดยเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ในขณะที่เศรษฐกิจทางเอเชียชะลอตัวลง ในส่วนของเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 3.5% โดยมีปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวเองยังเป็นปัจจัยบวกต่อเนื่อง ด้านดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1วัน) มีแนวโน้มที่จะคงไว้ที่ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี จนกว่าจะมั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน

“ตลาดหุ้นไทยในปี 2559 ยังเผชิญกับความผันผวน อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นในระยะยาว ดังนั้นบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทย”

ขณะที่นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดการเงินที่มีความผันผวนมากขึ้นทำให้การกระจายการลงทุนมีความสำคัญมากขึ้น ทำให้สัดส่วนของกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ของบริษัทโตขึ้นกว่า 34.23%

โดยแนวคิดการลงทุนในปีนี้ที่บริษัทอยากแนะนำ ได้แก่ 1.การดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกัน ที่น่าสนใจได้แก่ หุ้นญี่ปุ่นและยุโรป 2. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงท่ามกลางความผันผวน ได้แก่ กองทุนเปิดยูไนเต็ด โกลบอล ดูเรเบิ้ล อิควิตี้ ฟันด์ (UGD) และกองทุนเปิดยูไนเต็ด อินคัม โฟกัส ฟันด์ (UIF) 3.การลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ ได้แก่ หุ้นสุขภาพโลก และ 4.หุ้นในประเทศ ในปีที่ผ่านมาในกลุ่มกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบริษัทมีเงินไหลเข้ากองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF) เป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม ในปีนี้จึงเตรียมจะตั้งกองทุนที่มีนดยบายลงทุนเดียวกันแต่เป็นกองทุนหุ้นทั่วไปและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพิ่มเติมอีก 2 กอง

“พอร์ตการลงทุนที่แนะนำสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ตราสารหนี้ในประเทศ 40% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 30% หุ้นไทย 10% และหุ้นต่างประเทศ 20% จะทำให้ผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5% ในขณะที่มีความเสี่ยง 6.0%”

Back to top button