“กอบศักดิ์ – ชวินดา” ประสานเสียง “ThaiESG” ลงทุนสดใสรับ “เศรษฐกิจโลกฟื้น-ดอกเบี้ยขาลง”

“กอบศักดิ์” เผย 4 เครื่องยนต์ หนุนขับเคลื่อนลงทุน “ThaiESG” มั่นใจ 3-4 ปี รับอานิสงส์เศรษฐกิจโลก-ส่งออก ฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ธ.ค.67) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จัดงานสัมมนา โค้งสุดท้ายลงทุน ThaiESG : เจาะลึกทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนหุ้นและกองทุน ThaiESG มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ Chief Commercial Officer บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ที่หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายกอบศักดิ์ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ThaiESG เป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องมองไปข้างหน้า 5 ปี โดย “4 เครื่องยนต์” ที่จะนำไปสู่โอกาสการลงทุนในแบบสบายใจขึ้น ประกอบด้วย ประกอบด้วย 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์เงินเฟ้อดีขึ้นเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ นำมาสู่การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อม ๆ กันเป็นเวลาอีก 1 ปี จะทำให้เศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อน และการส่งออกฟื้นตัว ส่วนไทยต้องดูเทรนด์โดยรวม ซึ่งการส่งออกไทยเดือนตุลาคม 2567 ขยายตัวถึง 14.6% สะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังส่งอานิสงส์กับการส่งออกของทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย จึงคิดว่า 3-4 ปีข้างหน้าเป็นช่วงที่ดี

  1. การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 32 ล้านคน ขณะที่ไฮซีซั่น เดือนธันวาคม คาดว่าจะมีอีก 4 ล้านคน จบปีน่าจะประมาณ 36 ล้านคน แม้เทียบกับก่อนสถานการณ์โควิดยังไม่กลับไปที่เดิมแต่ถือสถานการณ์ดีขึ้นมาก อีกทั้งจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามา พบว่า ไทยไม่ต้องพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งแล้ว เพราะมีตัวเลขนักท่องเที่ยว อินเดีย, รัสเซีย และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น
  2. New Waves ของ FDIS เครื่องยนต์ที่จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) 9 เดือนแรกของปี 2024 เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) การลงทุนจากต่างประเทศสำคัญและไม่ได้มาเพียงปีเดียว ซึ่ง Waves ลักษณะนี้ไม่ได้มีบ่อย
  3. การผงาดขึ้นของตลาดเอเชียและอาเซียน ตลาดในอนาคตอยู่ตรงนี้ทั้งหมด รอบ ๆ ประเทศไทย อาเซียนเป็นเป้าหมาย ซึ่งเม็ดเงินลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่มา จะทำให้อีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะเป็นอาเซียนอีกแบบหนึ่งความเจริญจะเปลี่ยนไป และสอดรับกับ ThaiESG เป็นปีแห่งการลงทุน แม้ ESG อยู่ภายในประเทศ แต่บริษัทของไทยไปลงทุนในภูมิภาคจำนวนมาก เรามีโอกาสเต็มไปหมดเช่นเดียวกัน

ขณะที่ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน มองว่า ปี 2567 เป็นปีที่ดีของการลงทุน เพราะอยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาลง ตัวเลขจากกองทุนกว่า 700 กองทุน ปรากฎว่ามากกว่า 80% เป็นบวก ในจำนวนนี้มากกว่า 30% มีการเติบโตมากกว่า 10% โดยตลาดหุ้นไทยมากกว่า 70% เป็นบวก มองว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่ดอกเบี้ยขาลงเป็นปีที่ 2 เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในกลุ่ม ESG ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมจะมีเม็ดเงินใหญ่เข้ามา ขณะที่เทรนด์การลดลงของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ถือว่าเป็นคุณกับตราสารหนี้อายุกลางถึงยาวและดีกว่าเงินฝาก

ส่วนตลาดต่างประเทศ ด้วยนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอิทธิพลต่อตลาดโลกนั้น นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เชื่อว่า ทรัมป์ก็ไม่ต้องการให้เกิดเงินเฟ้อมากเกินไป และเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีก ส่วนสงครามระหว่างประเทศ เชื่อว่าจะหยุดความรุนแรง ทำให้ทั้งตลาดสารหนี้และตลาดสารทุนยังไปต่อได้ สำหรับทองคำยังไปต่อได้แน่นอน ขณะที่คริปโต เติบโตแบบก้าวกระโดด จากนโยบายของทรัมป์ แต่ก็มีความเสี่ยงและมีความผันผวนรุนแรงกว่า

“หุ้นไทยเองต้องบอกว่า มันอาจจะดูสงบมา 2 ปีแล้ว ถ้าปีนี้สงบอีก ก็ถือว่าเป็นการสงบเป็นปีที่ 3 ถามว่าสงบเพื่อลุกขึ้นมาสู้ใหม่หรือไม่ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นการลงทุนระยะยาวเชื่อว่ายังไปได้… ในแง่ของ 4 ปีเราเชื่อว่าโดยทิศทางโดยการสนับสนุนของรัฐบาลและภาคเอกชน การเติบโตของหุ้นจะมีนัยยะกับประเทศไทยพอสมควร”  นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าว

ด้าน นายพิชัย Chief Commercial Officer บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า โลกให้ความสำคัญกับ ESG มาเป็น 10 ปีแล้ว จำนวนนักลงทุนสถาบันที่เข้าไปลงทุนทะลุ 5,000 ราย หลักทรัพย์ทะลุ 128 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเป็น    ธีมการลงทุน ESG เพิ่มขึ้นโดยตลอด โดยเฉพาะยุโรปและประเทศที่พัฒนาแล้ว  นอกจากนี้พบข้อมูลว่า ESG กับผลประกอบการกับบริษัทจดทะเบียนมีความสัมพันธ์เชิงบวกกันด้วย ทั้งนี้ เทรนด์ ESG ที่เติบโตชัดเจน คือ 1. Wellness Tourism หุ้นโรงพยาบาล, สปา, โรงแรม จะได้ประโยชน์ คาดว่า ปี 2022-2027 จะเติบโต 8.6%ต่อปี 2. Sustainability หุ้นที่เกี่ยวกับ พลังงานหมุนเวียน, คาร์บอนเครดิต 3. Data Center / Cloud ไทยมีความได้เปรียบหลายอย่าง อาทิ ความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ มีไฟฟ้าเหลือ

Back to top button