“ก่อศักดิ์” ขาย CPALL ทิ้งรับเงิน 55 ล้าน! ก่อน CPAXT ประกาศอุ้ม“แมกโนเลีย“ 5 วันทำการ

“ก่อศักดื์ ไชยรัศมีศักดิ์” ขาย CPALL ทิ้งรับเงิน 55 ล้านบาท ก่อน CPAXT ประกาศอุ้ม “แมกโนเลีย“ 5 วันทำการพบพิรุธไม่ระบุวันที่ประชุมบอร์ด ลืออาจเป็นเทคนิคกฎหมายอุ้มสมใครหรือไม่?


ผู้สื่อข่าวรายงาน นายก่อศักดื์ ไชยรัศมีศักดิ์ รองประธานกรรมการ บริษัทซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และ รองประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ทำธุรกรรมขายหุ้น CPALL จำนวน 877,100 หุ้น ออกไปในราคาเฉลี่ย 62.88 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยสันนิษฐานว่าเป็นการทำรายการขายบนกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วไปของตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.

จากการสำรวจพบว่า ช่วงเวลาที่นายก่อศักดิ์ขายหุ้น CPALL จำนวนดังกล่าวออกไปนั้น คิดเป็นจำนวนวันเท่ากับ 5 วันทำการ ก่อนหน้า CPAXT รายงานสารสนเทศต่อ ตลท. เกี่ยวกับการประกาศตั้งบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด ขึ้นมา เพื่อลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ลักษณะมิกซ์ยูส เดอะ แฮปปี้แทท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง ซีพี แอ็กซ์ตร้า ถือหุ้น 95% โดยชำระค่าหุ้นออกใหม่เป็นเงินสด 7,970 ล้านบาท และบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือหุ้น 5% เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567

กล่าวคือ นายก่อศักดิ์ ขายหุ้น CPALL เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม และ CPAXT แจ้งข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญที่อาจมีผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในวันที่ 13 ธันวาคม โดยในเอกสารการเปิดเผยสารสนเทศของ CPAXT ไม่ได้มีการระบุถึงวันที่คณะกรรมการบริษัทฯมีมติ หรือมีการอนุมัติธุรกรรมที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ทั้งนี้ CPALL เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ CPAXT ด้วยจำนวน 3.64 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 34.91% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเสนอขายทั้งหมด ดังนั้นความเป็นไปของทั้งผลการดำเนินการและราคาหุ้นของ CPAXT ย่อมส่งผลสะท้อนตามสัดส่วนต่อ CPALL ขณะที่นายก่อศักดิ์ดำรงตำแหน่งเป็นทั้งรองประธานกรรมการ CPALL และที่สำคัญคือเป็นรองประธานกรรมการของ CPAXT ด้วย

ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น CPAXTณ วันที่ 1 ต.ค.2567

ตารางรายชื่อคณะกรรมการ/ผู้บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL (ซ้าย), ตารางรายชื่อคณะกรรมการ/ผู้บริหารบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT (ขวา)

ข้อมูลจาก: www.set.or.th

ด้านราคาหุ้น CPAXT ปรับตัวลดลงทันทีในวันทำการถัดมา (16 ธ.ค.67) โดยเปิดตลาดที่ระดับ 29.75 บาท ติดลบ6.50 บาท จากวันทำการก่อนหน้าคือ 13 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่บริษัทรายงานเรื่องการลงทุนข้างต้นต่อ ตลท. ทันทีราว 14% และขึ้นมาทำจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 30 บาท จุดต่ำสุดที่ระดับ 28 บาท ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 28.25 บาท ลดลง 18.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกต แต่ไม่เป็นที่แน่ชัด และไม่สามารถสรุปได้ว่าจากปรากฏการณ์ข้างต้นนั้น นายก่อศักดิ์ ในฐานะรองประธานกรรมการของทั้ง CPAXT และ CPALL ล่วงรู้เกี่ยวกับแผนการลงทุนดังกล่าวในช่วงก่อนหน้า หรือระหว่างการทำธุรกรรมขายหุ้นของตนหรือไม่ เนื่องจากไม่มีรายงานว่าคณะกรรมการ (บอร์ด) ของ CPAXT มีมติอนุมัติการลงทุนเมื่อใด ขณะที่บริษัทฯก็ไม่ได้แจ้งรายละเอียดต่อ ตลท. ว่าบอร์ดเคยประชุมหรือได้รับแจ้งเพื่อพิจารณาเรื่องนี้มาเป็นจำนวนกี่ครั้งแล้ว และนับตั้งแต่เมื่อใด

อย่างไรก็ดี สำหรับแผนการลงทุนของ CPAXT ครั้งนี้ แม้บริษัทฯชี้แจงแล้วว่าการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เป็นการเข้าร่วมลงทุนในหุ้นของ AGP โดยบริษัทฯ เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95 โดยการชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP เป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท และบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 5 โดยชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ด้วยทรัพย์สิน คือ หุ้นใน HATF ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) คณะกรรมการ ของบริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat โดยพิจารณาความเหมาะสมของการ ร่วมลงทุนและมูลค่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้อย่างรอบคอบ

โดยมีการพิจารณามูลค่าทรัพย์สินในโครงการ The Happitat ซึ่งได้มี การประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ และเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ในส่วน ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) โดยคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯ มิได้มี ความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการของบริษัทฯ

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยง และขนาดรายการเมื่อพิจารณาจากเงินค่าหุ้นที่ออกใหม่ ของ AGP ซึ่งบริษัทฯ ชำระเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท มีขนาดรายการสูงสุดร้อยละ 1.49 และเมื่อพิจารณารวมจำนวนเงินที่คาดว่าจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการ The Happitat แล้วเสร็จ การร่วมลงทุนของบริษัทฯ ในโครงการ The Happitat จะมีขนาดรายการสูงสุดต่ำกว่าร้อยละ 15 จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไป ซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามข้อกำหนดของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (รวมทั้งที่มีการแก้ไข เพิ่มเติม) และประกาศที่เกี่ยวข้อง

แต่นักวิเคราะห์จำนวนมาก รวมถึงนักลงทุนโดยรวมต่างมองว่าเป็นปัจจัยลบต่อบริษัทฯ ทั้งในแง่ของแรงกดดันต่อผลประกอบการในอนาคต และการประเมินคะแนนหรือจัดอันดับด้านธรรมาภิบาล ดังนั้นราคาหุ้นจึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นแรงขายปริมาณมหาศาลดังเช่นที่เกิดขึ้นวานนี้ ซึ่งหากนักลงทุนรายใดขายหุ้น CPALL ออกไปก่อนหน้านี้ ก็จะถือเป็นการปิดความเสี่ยงบางส่วนหรือทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสัดส่วนที่ขายออกไป จากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในอดีตเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2558 นายก่อศักดิ์ เคยถูกสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวโทษฐานอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO โดยมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ (1) นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ (2) นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล (3) นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล และ (4) นายอธึก อัศวานันท์  กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) เป็นเงินรวม 33,339,500 บาท และเปรียบเทียบ (5) นายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ (6) นางสาวอารียา อัศวานันท์ ซึ่งให้การช่วยเหลือสนับสนุน เป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท

โดยก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า บุคคลตาม (1) – (4) ได้ซื้อหุ้น MAKRO โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น MAKRO ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน โดยพบการซื้อหุ้นในบัญชีบุคคลดังกล่าวหรือผู้สนับสนุนระหว่างวันที่ 10-22 เมษายน 2556  ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) เจรจาตกลงจะซื้อหุ้น MAKRO ที่บริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV) ถืออยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อมจำนวน 154,429,500 หุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 64.35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MAKRO ที่ราคาหุ้นละ 787 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นเหตุให้ CPALL ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น MAKRO ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นการทั่วไป (Tender Offer) ที่ราคาเดียวกัน

โดยบุคคลทั้งสี่อาศัยข้อมูลภายในซึ่งบางรายล่วงรู้จากการร่วมในคณะผู้บริหารของ CPALL ที่เข้าร่วมเจรจากับผู้ขายในธุรกรรมดังกล่าว และบางรายล่วงรู้เนื่องจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของ CPALL โดยพบการซื้อหุ้น MAKRO ในบัญชีของนายก่อศักดิ์ จำนวน 118,300 หุ้น และบัญชีของนายปิยะวัฒน์ จำนวน 5,000 หุ้น ส่วนกรณีนายพิทยา พบการซื้อผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายสมศักดิ์ซึ่งเป็นน้องชาย จำนวน 7,500 หุ้น และกรณีนายอธึก พบการซื้อผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอารียาซึ่งเป็นบุตรสาว จำนวน 6,000 หุ้น

การกระทำของนายก่อศักดิ์ นายพิทยา นายปิยะวัฒน์ และนายอธึก ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 สำหรับการกระทำของนายสมศักดิ์ และนางสาวอารียา เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิดของนายพิทยาและนายอธึก เป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 ราย ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบปรับนายก่อศักดิ์ เป็นเงิน 30,228,000 บาท นายปิยะวัฒน์ เป็นเงิน 725,000 บาท นายพิทยา เป็นเงิน 979,500 บาท นายอธึก เป็นเงิน 1,407,000 บาท  และเปรียบเทียบปรับนายสมศักดิ์ และนางสาวอารียา เป็นเงินรายละ  333,333.33 บาท

อย่างไรก็ตาม ในครั้งที่นายก่อศักดิ์ถูกกล่าวโทษโดยสำนักงาน  ก.ล.ต. เกี่ยวกับพฤติกรรม “อินไซด์เดอร์ เทรดดิ้ง” นายก่อศักดิ์ยังคงดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารซึ่งย่อมทราบเกี่ยวกับแผนการลงทุนเป็นปกติสัยอยู่แล้ว แต่จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่านายก่อศักดิ์ไม่ได้เป็นผู้บริหารของบริษัทใดแล้ว แต่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทฯเพียงเท่านั้น

Back to top button