EP ร่วง 2% หลัง “ตลท.” จี้แจงปมผู้สอบติง งบ Q3/67 ผิดปกติ 3 กรณี
EP ร่วง 2% ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุนศึกษาข้อมูล หลังผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกต 3 กรณี ในงบไตรมาส 3/67 เหตุความล่าช้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เงินทดรองจ่ายให้กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย 93 ล้านบาท และเงื่อนไขสัญญากู้ยืม ภายใน 26 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ธ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ณ เวลา 10:30 น. อยู่ที่ระดับ 1.70 บาท ลบ 0.03 บาท หรือ 1.73% สูงสุดที่ระดับ 1.72 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.18 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นของ EP ที่ปรับตัวลง จากกรณี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลากหลักทรัพย์ฯ ขอให้ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ในประเด็นดังนี้ 1.ข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท เนื่องด้วยสถานการณ์หลายประการ รวมถึงความล่าช้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2.เงินทดรองจ่ายให้แก่กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย 93 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการให้สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดเวลา และ3.การปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญากู้ยืมเงินก่อนเบิกรับเงินกู้ในเวียดนามของบริษัทย่อย
“จึงขอให้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 26 ธ.ค.67 สำหรับความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ ภายในวันที่ 2 ม.ค.68 โดยขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของ EP และติดตามคำชี้แจงของบริษัท” ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุ
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ EP ชี้แจงข้อมูล ดังนี้ 1.เหตุผลและผลกระทบต่อสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทจากกรณีโรงไฟฟ้า 3 แห่ง ไม่สามารถ COD ได้ตามกำหนดเวลา แผนการดำเนินธุรกิจและความคืบหน้าของโรงไฟฟ้า 2.เหตุผลและความเหมาะสมของการให้เงินทดรองจ่ายแก่กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของรายการและมาตรการในการดูแลการใช้เงินเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัทกำกับดูแลบริษัทย่อยหรือไม่ อย่างไร
3.วัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงินจากธนาคารในเวียดนาม 870 ล้านบาท และเงื่อนไขการเบิกรับเงินกู้ยืม นอกจากนี้ ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 6.2 ปรากฏข้อมูลการกู้ยืมเงินจากบริษัท เพียร์ ฟอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ PEER จำนวน 55 ล้านบาท โดยบริษัทได้ขอขยายเวลาชำระคืนจนกว่าบริษัทย่อยจะสามารถเบิกเงินกู้ยืมจากธนาคารในเวียดนามได้ จึงขอให้ชี้แจงว่าการใช้เงินกู้ยืมดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ อย่างไร