NKT ลงเทรดวันนี้! ระดมทุนพันล้าน ขยาย “โรงพยาบาล” รองรับผู้ป่วยเพิ่ม

ไอพีโอน้องใหม่ NKT ลงสนามเทรด SET วันนี้ ลุ้นวิ่งเหนือจอง 7.80 บาท ระดมทุน 1.05 พันล้านบาท เพื่อปรับปรุงเพิ่มศักยภาพธุรกิจโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วย โดยมี บล.ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.67) หลักทรัพย์ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) หรือ NKT เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดย NKT ประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลนครธน”

ทั้งนี้ NKT ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนมากว่า 28 ปีเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ และได้พัฒนาศักยภาพในเชิงคุณภาพการให้บริการรักษาโรคสามารถตอบสนองความต้องการในการรักษาพยาบาลของประชาชน และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาใช้บริการได้สมกับวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ว่า มุ่งมั่นให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานสากลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ (Humanized Healthcare) ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้ถือหุ้น แพทย์พยาบาล และพนักงานทุกคนในความสำเร็จที่เกิดขึ้น

โดย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสถานที่ให้บริการทางการแพทย์ 1 อาคาร เป็นอาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ห้องผ่าตัด ห้องคลอด ห้องผู้ป่วยอาการหนักหรือวิกฤต (Intensive Care Unit: ICU) ห้องไตเทียม ปัจจุบัน โรงพยาบาลนครธนให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางจำนวน 20 ศูนย์ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาต่างๆ ให้บริการ ได้แก่ ศูนย์สมองและระบบประสาท, ศูนย์หัวใจศูนย์ทางเดิน, อาหารและตับ, ศูนย์กระดูกสันหลัง, ศูนย์มะเร็ง, ศูนย์ทันตกรรม, และศูนย์การแพทย์อื่นๆ อีก 14 ศูนย์การแพทย์และแผนกการรักษาผู้ป่วย 1 แผนก ได้แก่ แผนกไตเทียม ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับการรักษา(Advanced Care) เพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Wellness) และการรักษา (Medical) แบบองค์รวม

ขณะที่ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นเพื่อให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล โดยโรงพยาบาลนครธน ได้รับการรับรองกระบวนการคุณภาพตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (Healthcare Accreditation :HA) โดยสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ได้รับการรับรองระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ (Laboratory Accreditation :LA) จาก สภาเทคนิคการแพทย์

ทั้งนี้ ในอนาคตเพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้มากขึ้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงอาคารปัจจุบันเพิ่มเติมเพื่อขยายพื้นที่ในการให้บริการ และเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยจำนวน 110 เตียง จากจำนวน 150 เตียง โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนห้องพิเศษ (VIP) จำนวน 12 ห้อง หรือ 17 เตียง และห้องสำหรับการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care) จำนวน 18 ห้อง หรือ 18 เตียง

อีกทั้ง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ต้องการห้องที่มีความกว้างขวางและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น เมื่อปรับปรุงดังแล้วเสร็จ คาดการณ์ว่าจะมีศักยภาพในการให้บริการผู้ป่วยใน (IPD) เบื้องต้น จำนวนสูงสุดที่ 260 เตียง ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) และเตรียมการก่อสร้าง คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มได้ตั้งแต่ปี 2568 – 2570

โดย NKT มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO จำนวน 535 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 135 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 67.50 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย 20.25 ล้านหุ้น และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัท

รวมทั้งพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 13.50 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 2 – 4 ธันวาคม 2567 และผู้ลงทุนสถาบัน 33.75 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 9 และ 11-12 ธันวาคม 2567 ที่ราคาหุ้นละ 7.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,053 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,173 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ดร.วิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NKT กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การเติบโต ประกอบด้วย 1.) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำในระดับประเทศ, 2.) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ, 3.) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร, 4.) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ, 5.) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ

6.) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ และ 7.) ขยายการให้บริการแก่กลุ่มชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงได้ขยายไปยังประเทศกัมพูชาและบังคลาเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ใช้เงินจาก IOP ดังนี้ 1. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการโรงพยาบาลนครธน 2, 2. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) ซึ่งจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม, 3. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายจำนวนเตียงในการให้บริการของโรงพยาบาลนครธน, 4. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน และ 5. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ขณะที่ ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2564-2566 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น ดังนี้ ปี 2564 อยู่ที่ 1,551.67 ล้านบาท, ปี 2565 อยู่ที่ 1,963.05 ล้านบาท และ ปี 2566 อยู่ที่ 2,036.89 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14.57% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 1,521.34 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 190.38 ล้านบาท

Back to top button