MEDEZE ขยาย ‘เซลล์’.!

หุ้นสเต็มเซลล์ MEDEZE เป็นไอพีโอน้องใหม่ที่ถือฤกษ์งามยามดีตัดสายสะดือเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2567 ด้วยไอพีโอ 9 บาท...


หุ้นสเต็มเซลล์ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เป็นไอพีโอน้องใหม่ที่ถือฤกษ์งามยามดีตัดสายสะดือเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2567 ด้วยไอพีโอ 9 บาท…โดยดำเนินธุรกิจหลักในการให้บริการรับฝากสเต็มเซลล์ หรือธนาคารเซลล์ (stem cell banking) ซึ่งเป็นที่รับรู้กันไปแล้ว…

แต่ไฮไลต์คงเป็นการแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจใหม่ นั่นคือธุรกิจด้านเซลล์รากผม (Hair Follicle Cell Bank) ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ…

ล่าสุดก็เตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เมดีช แฮร์ เรเนซองส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการสกัด เพาะเลี้ยง แช่แข็ง และรับฝากต้นกำเนิดรากผม ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ซึ่งคาดกระบวนการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกปี 2568

ก็เป็นอีกธุรกิจที่ถูกหมายมั่นปั้นมือจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ MEDEZE…โดยจะได้ค่าบริการรับฝากเซลล์รากผมเป็นอันดับแรก ไม่นับรวมอื่น ๆ ที่จะตามมาอีก ซึ่งความน่าสนใจของธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง และเป็นรายได้ประจำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต…

โดยที่ผ่านมา MEDEZE ปูทางธุรกิจด้วยการวิจัยและพัฒนาการสกัด เพาะเลี้ยง แช่แข็ง เซลล์ต้นกำเนิดรากผม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และมีการต่อยอดงานวิจัยผ่านความร่วมมือกับคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการปลูกผม ซึ่งมีการลงนามในสัญญาแต่งตั้ง Dealer ในบริการเซลล์รากผมแล้วในบางคลินิกสำหรับการทดลองให้บริการ…

ส่วนคำถามที่ว่าธุรกิจเซลล์รากผมน่าสนใจขนาดไหน..?? เหตุใด MEDEZE ถึงทุ่มงบตั้ง 100 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจนี้…

คำตอบดูได้จากผลการวิจัยตลาดปลูกผมทั่วโลกที่ถูกคาดการณ์ว่าปี 2570 มูลค่าตลาดจะสูงถึง 4,136.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 136,508 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีมูลค่า 3,214 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 106,062 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 3.6%…ถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ

ขณะที่ในบ้านเรา พบว่ามีคนไทยประสบปัญหาภาวะผมร่วงบาง หรือศีรษะล้านกว่า 33 ล้านคน โดยเฉพาะในผู้ชายไทย มีปัญหาผมร่วงบางถึงประมาณ 17.5 ล้านคน ทำให้ปัจจุบันมีทั้งคลินิกและสถาบันเสริมความงามที่ลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น

ด้วยมูลค่าตลาดที่สูง หาก MEDEZE แชร์ส่วนแบ่งตลาดได้สัก 1-2% ก็ไม่น้อยนะ ซึ่งถ้าให้เดาคงโฟกัสไปที่ตลาดต่างประเทศละมั้ง..?? โดยต้นปีหน้าน่าจะเริ่มเห็นพัฒนาการมากขึ้น

ก็คงทำให้ผลการดำเนินงานที่เห็นเติบโตดีอยู่แล้ว มีโอกาสเติบโตมากขึ้นไปอีก…เชื่อหัวไอ้เรืองสิ

สะท้อนได้จากงบในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ที่โชว์กำไรสุทธิ 240.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 184.45 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่ากำไรทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 239.57 ล้านบาทแล้วนะ…

ดู ๆ ไปแล้ว MEDEZE มีดีมากกว่าที่คิดแฮะ…

ส่วนดีที่ว่าจะตรงปกตรงใจกันอ๊ะป่าว…อันนี้ก็ไม่รู้สิ

นานาจิตตัง…

…อิ อิ อิ…

Back to top button