Up, Up And Away กับหุ้นบางกอกแอร์เวย์ส (BA)

นักวิเคราะห์ทุกสำนักต่างเชียร์ให้ซื้อหุ้นสายการบินทุกสายรวมทั้งหุ้นสายการบิน BA ยกเว้นเฉพาะหุ้น THAI ที่ยังประสบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง


นักวิเคราะห์ทุกสำนักต่างเชียร์ให้ซื้อหุ้นสายการบินทุกสายรวมทั้งหุ้นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) ยกเว้นเฉพาะหุ้นการบินไทยที่ยังประสบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พบข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตสูงเฉลี่ย 19.7% ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและการเดินทางของไทย โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น BA ที่ 28.75 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาล่าสุดที่อยู่ที่ 22.50 บาท

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA  ได้ตอกย้ำความมั่นใจว่าบริษัทพร้อมดำเนินแผนการ เพิ่มเที่ยวบินและเครื่องบินสำหรับเส้นทางที่มีศักยภาพการท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short Haul) เพื่อรองรับอุปสงค์การเดินทางช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปีตลอดถึงไตรมาสแรกของปี 2568 ด้วยภาพรวมของภาคอุตสาหกรรมการบินภูมิภาคทั่วโลกในปี 2567 นี้ ยังคงมีอัตราการเติบโตของปริมาณการขนส่งผู้โดยสารของทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) พบว่าการเดินทางระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราเติบโตสูงสุดที่ 19.7% และการเดินทางระหว่างประเทศยุโรปสู่ทวีปเอเชียมีอัตราการเติบโตสูงสุด 23.1% 

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินเติบโตในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า โดยการเดินทางระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ คาดว่าจะเติบโตที่ 17.2% ในปี 2568 จากทิศทางการเดินทางดังกล่าวจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยคาดว่ามีการเติบโตสอดคล้องเป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมการบินในระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินงานของบางกอกแอร์เวย์สช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 นี้ บริษัทมีจำนวนผู้โดยสาร 331 ล้านคน เพิ่มสูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 และเป็นสัดส่วน 75% ของช่วงก่อนโควิด-19 อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (% Load Factor) 82% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งมีอัตราขนส่งผู้โดยสารที่ 68% และรายได้ผู้โดยสาร 14,006 ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 หรือคิดเป็นสัดส่วน 96% ของช่วงก่อนโควิด-19 จึงสะท้อนได้ถึงศักยภาพของบางกอกแอร์เวย์สที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อช่วงต้นปี 2567 นี้ได้

เพื่อตอบรับอุปสงค์การเดินทางที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมการบินกำลังพลิกฟื้นใกล้เคียงระดับช่วงก่อนโควิด-19 บริษัทจึงดำเนินกลยุทธ์เส้นทางการบิน โดยเน้นเส้นทางที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และทำกำไร และเพิ่มความถี่เที่ยวบินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาระดับอัตราบรรทุกผู้โดยสารให้อยู่ในเกณฑ์ดี

บริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสู่กระบี่เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา สำหรับเส้นทางบินตรงเชียงใหม่-กระบี่ (เที่ยวเดียว) จำนวนสามเที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเพิ่มความถี่เที่ยวบินที่มีความต้องการในการเดินทางที่สูงขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่น่าพึงพอใจ โดยมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารในเส้นทางกว่า 80% อีกทั้งยังมองแนวโน้มทิศทางการท่องเที่ยวเป็นบวกจากยอดการสำรองที่นั่งบัตรโดยสารล่วงหน้า ที่สะท้อนภาพรวมการท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 นี้ ต่อเนื่องจนถึงช่วงหกเดือนแรกของปี 2568 ที่มีอัตราการจองเติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการจองเส้นทางสมุยเติบโตสูงสุด 25%

ทั้งนี้สำหรับแผนการเปิดเส้นทางอื่น ๆ ในอนาคต บริษัทได้ศึกษาเส้นทางศักยภาพและทยอยกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางที่เคยปฏิบัติการบินในช่วงก่อนโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ เส้นทางบิน “สมุย-กัวลาลัมเปอร์” ในไตรมาสที่สี่ปี 2568 ที่จะให้บริการทุกวัน จำนวนวันละ 1 เที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางและเป็นจุดเชื่อมต่อผู้โดยสารจากยุโรปเดินทางเข้าเกาะสมุย

นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า เพื่อรองรับอุปสงค์การเดินทางที่เติบโตขึ้น บริษัทจึงได้จัดหาเครื่องบินรูปแบบแอร์บัสจำนวน 2 ลำ ภายในปี 2567 นี้ โดยเริ่มทำการบินระหว่างเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนเมษายน 2568 เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางที่สูงขึ้นในช่วงไฮซีซั่น

นักวิเคราะห์ประเมินจากยอดนักท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นเต็มตัวว่า สายการบินทุกสายจะได้กำไรจากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และค่าตั๋วที่สูงในขณะที่ต้นทุนราคาน้ำมันต่ำลงและค่าเงินบาทยังอ่อนอยู่ โดยยกให้หุ้นแอร์เอเชียของบริษัท AAV เป็นหุ้นท็อปฮิต แต่ราคาหุ้นของ BA เป็นราคาที่หวือหวากว่าเพราะมีราคาเป้าหมายสูงกว่าถึง 30%

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button