นวัตกรรม ‘คุณสู้ เราช่วย’

ส่งท้ายปี 2567 ประเทศไทยมีเรื่องน่าภูมิใจกับวงการกอล์ฟสตรีประเทศไทย นั่นคือ ชัยชนะระดับโลก LPGA ของกอล์ฟสตรีไทยในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ


ส่งท้ายปี 2567 ประเทศไทยมีเรื่องน่าภูมิใจกับวงการกอล์ฟสตรีประเทศไทย นั่นคือ ชัยชนะระดับโลก LPGA ของกอล์ฟสตรีไทยในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ

สาวไทยปีนี้ ได้แชมป์ทั้งสิ้น 7 รายการ เป็นแชมป์เดี่ยว 5 รายการ เริ่มตั้งแต่ “แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ ในฮอนด้า LPGA ทัวร์ (22-25 ก.พ.) ณ ชลบุรี ประเทศไทย

แชมป์ที่ 2 พอร์ตแลนด์ คลาสสิก (1-4 ส.ค.) โมรียา จุฑานุกาล แชมป์ที่ 3 (18-21 ก.ค.) ดานา โอเพ่น ชเนตตี วรรณแสน แชมป์ที่ 4 วอลมาร์ท NW อาร์คันซอ แชมเปี้ยนชิป จัสมิน สุวรรณปุระ และแชมป์ที่ 5 CME กรุ๊ปทัวร์ แชมเปี้ยนชิป (21-24 พ.ย.) จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล

ส่วนแชมป์คู่ 2 รายการ 1) จีโน่ ฐิติกุล-รั่วหนิง หยิน คู่ซี้จากสาธารณรัฐประชาชนจีน (21-24 พ.ย.) CME กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิป และล่าสุด 2) ปิดท้ายรายการแห่งปี ค.ศ. 2024 (13-15 ธ.ค.) แพตตี้ ปภังกร-เจค เคแนปป์ แชมป์แกรนด์ ธอร์นตัน อินวิเตชันแนล

ถือเป็นปีทองของสาวไทยใน LPGA ทัวร์ เท่ากับสาวอเมริกา 7 แชมป์ แต่แชมป์ถูกผูกขาดอยู่คนเดียวที่เนลลี่ คอร์ด้า

หันมามองเรื่องการบริหารงานบ้านเมือง ก็มีเรื่องที่น่าดีใจเรื่องหนึ่งในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประเทศ ซึ่งทับถมสะสมกันมาจนปลิ้นคอหอยเป็นร้อยละ 90 ของจีดีพีแล้ว นั่นก็คือโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินอีกเรื่องหนึ่ง รองจากการนำเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) มาล้างหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.1 ล้านล้านบาท จนขณะนี้เหลือหนี้เงินต้นคงค้างแค่ 5.5 แสนล้านบาทเท่านั้น

โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ธนาคารพาณิชย์ ยังคงนำส่งเงินกองทุนฟื้นฟูฯ 0.46% เท่าเดิม แต่เงินนั้นจะวิ่งไป 2 ทาง ทางหนึ่ง ยังคงล้างหนี้ FIDF ครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% และอีกทางหนึ่ง 0.23% เช่นกัน นำไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังจะเป็นหนี้เสียหรือเป็นแล้วให้เป็นหนี้ดี

แต่เดิมคาดว่า จะใช้หนี้ FIDF หมดภายใน 10ปี ข้างหน้า เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกดดันความสามารถในการก่อหนี้ของรัฐบาล แต่เมื่อจะต้องแบ่งครึ่งเงินนำส่งของธนาคารพาณิชย์ มาทำโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะการใช้หนี้ FIDF อาจจะต้องยืดไปเป็น 12 หรือ 13 ปีข้างหน้าโน่น

โครงการแบ่งออกเป็น 2 มาตรการ 1) มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ จะช่วยแก้ปัญหาลูกหนี้ในระบบสถาบันการเงินที่เป็นหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี (เกิดก่อน 1 ม.ค. 2567) ครอบคลุมลูกหนี้ทั้งสิ้น 2.3 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลหนี้รวม 1.31 ล้านล้านบาท

แยกเป็นสินเชื่อบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 8 แสนบาท สินเชื่อจักรยานยนต์ไม่เกิน 5 หมื่นบาท และสินเชื่อ SME ไม่เกิน 5 ล้านบาท 

พักดอกเบี้ย 3 ปี นำค่างวดไปตัดเงินต้นทั้งหมด จ่ายค่างวดปีที่ 1, 2, 3 แค่ 50%, 70% และ 90% ตามลำดับ หากลูกหนี้จ่ายครบ-จ่ายตรง ยกเว้นดอกเบี้ยที่ตั้งพักไว้ให้หมด

2) มาตรการจ่าย-ปิด-จบ ลูกหนี้บุคคลที่มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท/บัญชี มีสถานะบัญชี ณ วันที่ 31 ต.ค. 2567 และค้างชำระเกิน 90 วัน สามารถเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน และชำระหนี้ปิดบัญชีได้เร็วขึ้น

ลูกหนี้ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สามารถลงทะเบียนทางเว็บไซต์แบงก์ชาติได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2567-28 ก.พ. 2568 ถือเป็นโอกาสทองของลูกหนี้ที่มีปัญหาจะได้รับการผ่อนปรนในการปลดเปลื้องหนี้สินจริง ๆ

ธนาคารพาณิชย์ ก็จะได้ปลดเปลื้องภาระหนี้เสียในอนาคตอันจะเกิดขึ้นด้วย โดยเงินช่วยเหลือเท่าเดิมกับที่เคยนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ

ส่วนรัฐบาล ที่แบกรับภาระน้อยที่สุด ก็จะได้ปลดปล่อยหนี้ครัวเรือนที่จ่อคอหอยมากขึ้นทุกที อย่างน้อยหากปลดเปลื้องหนี้ครัวเรือนได้สัก 1.0-1.5 ล้านบัญชี จากที่ตั้งเป้าไว้ 2.3 ล้านบัญชี ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าพอใจ

แต่หากช่วยลูกหนี้ได้เกินกว่านั้น ก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง และถือเป็นผลงานความร่วมมือชั้นเลิศระหว่างรัฐบาล แบงก์ชาติ และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่ค่อยจะเห็นความกลมเกลียวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติเช่นนี้มานานมากแล้ว

โอกาสหน้าก็ควรจะร่วมมือกันใหม่ หาทางให้รางวัลลูกหนี้ดีกันบ้าง โดยลดดอกเบี้ยตอบแทนสัก 1-2% ช่วยลดกำไรส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ลงมาหน่อย ก็จะช่วยเขย่าจีดีพี ทำให้เศรษฐกิจเติบโตสูงกว่านี้เป็นอันมาก

ชาญชัย สงวนวงศ์

Back to top button