TIDLOR แจ้งเลื่อนเทนเดอร์ฯ “ติดล้อ โฮลดิ้งส์” ภายในปี 68 พ่วงแจกปันผล 0.438 บาท
TIDLOR เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.438 บาทต่อหุ้น พร้อมแจ้งความคืบหน้าการแลกหุ้น (Tender Offer) “ติดล้อ โฮลดิ้งส์” เป็นภายในปี 2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.67) นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.438 บาท คิดเป็น 40% ของกำไรสุทธิ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และนโยบายการจัดสรรเงินทุนของผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 ม.ค.68 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ภายในวันที่ 17 ม.ค.68
นายปิยะศักดิ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีและกำไรสะสมในระดับสูง ประกอบกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องทางการเงินสูง รวมถึงมีความมั่นใจกับการดำเนินธุรกิจในปี 68 บริษัทฯ จึงเห็นถึงความเหมาะสมของการจ่ายปันผลรอบพิเศษในครั้งนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมบริษัทฯ ยังได้รับทราบความคืบหน้าของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ โดยปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ พร้อมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ แล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบัน ติดล้อ โฮลดิ้งส์ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตและการเห็นชอบอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ จากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนกระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) เป็นภายในปี 68 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านนายหน้าประกันภัย (InsurTech Platform) เพื่อเดินหน้าต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงสามารถร่วมลงทุนกับหลักทรัพย์ TIDLOR ได้ตามปกติ
นายปิยะศักดิ์ กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 67 ธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถควบคุม NPL Ratio ให้ไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน NPL Ratio ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอีกด้วย