สคทช. ปิดโครงการ ”พื้นที่ทำกิน“ ต้นแบบ ยกระดับชีวิต เฉลิมพระเกียรติ ร.10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (20 ธ.ค. 67) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ได้ตีดพิธีปิดโครงการพื้นที่ต้นแบบการจัดที่ดินทำกิน เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ด้าน ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการ สคทช. กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ศาสตร์พระราชา สู่การบริหารจัดการที่ดินในยุคดิจิทัล” ในพิธีปิดงาน ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งระดับจังหวัดและระดับชาติร่วมงานอย่างคับคั่ง

โครงการนี้ได้น้อมนำแนวทาง “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ตามพระราชปณิธานในหลวง รัชกาลที่ 10 มาพัฒนาให้เกิดรูปธรรมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ น่าน นครราชสีมา กาฬสินธุ์ จันทบุรี และประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ทั้งนี้พื้นที่ต้นแบบที่พัฒนาขึ้น ได้ถูกออกแบบให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการส่งเสริมอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การปลูกพืชที่เหมาะสม การอนุรักษ์ป่าไม้ และการสร้างระบบน้ำที่ยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

ตัวอย่างพื้นที่สำคัญ เช่น จังหวัดเชียงใหม่: พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่ทา และป่าแม่แจ่ม จังหวัดน่าน: พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก จังหวัดนครราชสีมา: พื้นที่ปฏิรูปที่ดินตำบลปากช่อง จังหวัดกาฬสินธุ์: บ้านดงกล้วย ตำบลนาจำปา

โครงการนี้ไม่ได้เพียงแต่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนในด้านอาชีพและเศรษฐกิจ โดย สคทช. ตั้งเป้าขยายผลไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศ พร้อมส่งเสริมการรับรองมาตรฐานสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ชาวบ้าน

“โครงการพื้นที่ต้นแบบนี้เป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่จะช่วยลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับโลก” ดร.รวีวรรณ กล่าว

นอกจากพิธีปิดโครงการ ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “บทเรียนความสำเร็จจากพื้นที่ต้นแบบ” โดยตัวแทนจาก 6 จังหวัด พร้อมแสดงผลงานวิจัยและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เกิดขึ้นจากโครงการ

นอกจากนี้โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาที่ดินและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความผาสุกให้ประชาชน และร่วมถวายความจงรักภักดีแด่ในหลวง รัชกาลที่ 10 อย่างแท้จริง