ร่าง รธน.ดันทุรัง ทายท้าวิชามาร

เตือนแล้วไม่เชื่อ ไม่น่าเล้ย ทักษิณออกมาวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญถอยหลังลงคลอง ไม่รู้เรอะว่าต่อให้ถอยหลังลงเหว ก็มีคนจำนวนมากพร้อมจะโดดเหว เพราะทักษิณไปทางไหน ต้องไปตรงข้าม เหมือนไม่เอาทักษิณก็ต้องเลือกสุขุมพันธุ์


ใบตองแห้ง

 

เตือนแล้วไม่เชื่อ ไม่น่าเล้ย ทักษิณออกมาวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญถอยหลังลงคลอง ไม่รู้เรอะว่าต่อให้ถอยหลังลงเหว ก็มีคนจำนวนมากพร้อมจะโดดเหว เพราะทักษิณไปทางไหน ต้องไปตรงข้าม เหมือนไม่เอาทักษิณก็ต้องเลือกสุขุมพันธุ์

นั่นคือเหตุผลของคนกลุ่มใหญ่ที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งก็คือความไม่มีเหตุผล

ผู้เฒ่ามีชัยโวยว่าคนวิจารณ์ไม่อ่านร่างรัฐธรรมนูญ จะเอาผิดเพจ “หยุดดัดจริต” ว่าบิดเบือน เท่าที่อ่านก็มีข้อมูลผิดจริงนะครับ แต่ถามว่าท่านควรชี้แจงตอบโต้ หรือใช้อำนาจรัฐบาลคสช.เล่นงานปิดปาก

ขณะที่คนวิจารณ์ถูกจำนวนมาก นักกฎหมาย นักวิชาการ สปท. อดีต สปช. ท่านกลับไม่ชี้แจง เอาแต่ตอบโต้นักการเมืองว่า “ค้านเพื่อตัวเอง” ทั้งที่ประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายค้านคือการลิดรอนอำนาจประชาชน ซึ่งใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ถูกละ เรามีนักการเมืองเลว แต่พวกท่านต่างหากที่ใช้นักการเมืองเลวเป็นเครื่องมือ ใช้ข้ออ้างนักการเมืองเลวมายึดอำนาจเลือกตั้งของประชาชน

เหมือนบอกว่าทักษิณมันเลว ทักษิณได้อำนาจจากประชาธิปไตย จะทำลายทักษิณก็ต้องทำลายประชาธิปไตย

บางคนอาจถามว่าจะประชาธิปไตยจ๋าไปถึงไหน ลดหย่อนบ้างได้ไหม คำตอบคือร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ใช่แค่ “ไม่เป็นประชาธิปไตยนิดหน่อย” แล้วค่อยๆ พัฒนา ค่อยเป็นค่อยไป แต่มันพันธนาการประชาธิปไตย วางระเบิดเวลาให้เกิดวิกฤติ ร้ายกาจเสียยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญรัฐประหารในอดีต เช่น 2521, 2534 ที่มีชัยร่างเอง

ประเด็นสำคัญคือการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ถอดถอนล้มล้างรัฐบาลได้ง่าย โดยไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่การ “ปราบโกง” โดยเอาคนทุจริตขึ้นศาลตัดสินว่าผิดติดคุกติดตะราง ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าใช้อำนาจผิดกฎหมายด้วยซ้ำ แต่เป็นการให้อำนาจศาลถอดถอนนักการเมืองด้วย “มาตรฐานทางจริยธรรม” ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระบัญญัติเอง ให้อำนาจศาลตีความคุณสมบัติ ให้อำนาจศาลตีความการกระทำเรื่องงบประมาณ (ใน 7 วัน)

วิกฤติ 10 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะใช้อำนาจตีความ ใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน เขียนกฎหมายไม่ยุติธรรม หรอกหรือ แต่ผู้เฒ่ามีชัยยังจะเขียนให้เกิดวิกฤติ แล้วบอกว่าเวลาวิกฤติให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด

การเมืองไทยพัฒนาไปไกลเป็น “การเมืองมวลชน” ตามคำ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เฉพาะการเมืองระบอบรัฐสภาก็มีมวลชนเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคการเมือง 2 ข้าง การแก้ไขไม่มีทางปราบคนข้างหนึ่งข้างใดได้ นอกจากปล่อยให้เป็นไปตามความนิยมซึ่งมีขึ้นมีลง เพียงวางกลไกให้มวลชนข้างที่แพ้เลือกตั้งมีอำนาจตรวจสอบทัดทาน ไม่ใช่เอาอำนาจที่ 3 ที่ 4 มาตัดสินแทนความนิยม

แต่คนชั้นนำที่มีอำนาจอยู่ขณะนี้ ไม่ยอมปล่อยวางให้การเมืองเป็นไปตามธรรมชาติ ปากอ้างไม่ยกอำนาจให้นักการเมืองชั่ว แต่ความจริงคือกลัวพวกตัวเสียอำนาจ วางกลไกสกัดกั้นทุกอย่างกระทั่งเกิดวิกฤติอีกก็ยอม

อ้าว ถ้าเกิดวิกฤติอีกใครเดือดร้อนละครับ ก็มวลชนสองข้างนั่นแหละที่รบรากัน ขณะที่คนทั่วไปก็ไม่ได้ทำมาหากิน

รัฐธรรมนูญมีชัยถ้าผ่านออกมาบังคับใช้ ไม่เกินปีสองปีก็เกิดวิกฤติ วิกฤติแล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ถามว่าถึงตอนนั้นใครจะเชื่อฟังศาล มีแต่ต้องใช้กำลังตำรวจทหารบังคับ วุ่นวายนักเดี๋ยวก็รัฐประหารใหม่ เพราะมีชัยเขียนไว้เอง รัฐธรรมนูญแก้ยากจนไม่มีทางเป็นไปได้ บังคับให้ต้องฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น

                                                                                                                               ใบตองแห้ง

Back to top button