พาราสาวะถี

การขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.พรรคเพื่อไทยที่เชียงใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่แห่แหนมาต้อนรับ


การขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.พรรคเพื่อไทยที่เชียงใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่แห่แหนมาต้อนรับ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต่างเงี่ยหูรอฟังคือสารที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะสื่อออกมามากกว่า หนนี้มีการพูดถึงพรรคประชาชนแม้จะดูเป็นเรื่องเดิมที่มีแง่มุมชวนให้คิดไม่น้อย เรื่องความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง สส.ของพรรคแกนนำรัฐบาลกับจังหวัดที่ถือเป็นฐานเสียงสำคัญนั้นถือเป็นประเด็นเบสิกพื้นฐาน ตามที่นายใหญ่ว่าเป็นความผิดพลาด ย่อมรู้ว่าจะแก้ไขตรงไหน

ความน่าสนใจอยู่กับประโยคที่ว่า ทำไมคนเชียงใหม่ไม่คืน สส.ให้ตน ก่อนจะชี้ว่าพรรคประชาชนพูดเก่ง คนรุ่นใหม่พูดเก่งทุกคน แต่ทำไม่เป็น และยังไม่ได้ทำ วันนี้พรรคเพื่อไทยยังไงก็ได้ทำ ตรงนี้แหละที่ต้องขีดเส้นใต้ ยังไงก็ได้ทำ หมายถึงที่กำลังทำอยู่ หรือได้ทำต่อเนื่อง หากเป็นอย่างหลังย่อมหมายถึงความมั่นใจว่า ยังไงเพื่อไทยก็ได้กลับมา และมาพร้อมกับรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายคำถาม เพราะคำตอบค่อนข้างชัดจากโจทย์การเมืองที่เป็นอยู่ ไม่มีทางเลือกอื่น

เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้ทักษิณเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะอยู่รอดปลอดภัยคือ พลังวิเศษที่สนับสนุน แต่หัวใจหลักอยู่กับสิ่งที่เจ้าตัวประกาศอย่างมั่นใจว่า เพื่อไทยเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีทุกคนก็นึกถึงแต่พรรคเพื่อไทย ที่ทำให้พี่น้องได้อยู่สุขสบาย เช่นเดียวกับแนวทางของพรรคประชาชนที่เน้นเรื่องความเท่าเทียม แต่ความเท่าเทียมในสายตาของพรรคประชาชนเป็นความเท่าเทียมทางสถานะ ขณะที่ความเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทยเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส

นั่นคือโจทย์ประการต่อมาที่ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะต้องแปรสภาพแนวคิด นโยบาย ให้กลายเป็นรูปธรรม ถ้าทำให้สำเร็จได้เร็วเท่าไหร่ ย่อมการันตีความมั่นคงของรัฐนาวาได้เป็นอย่างดี มีโอกาสจะอยู่กันไปยาว ๆ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นวันนี้กับกรณี กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ได้รับการเลือกให้นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่นายกฯ ยอมรับแล้วว่ามีปัญหาคุณสมบัติ แม้ พิชัย ชุณหวชิร จะบอกว่าหากมีปัญหาก็เสนอชื่อคนใหม่ มันจะง่ายแบบนั้นหรือไม่

ต้องไม่ลืมว่า พวกขาประจำ ฝ่ายจ้องเล่นงานจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด การเสนอชื่อคนที่มีปัญหาด้านคุณสมบัติ จะถูกตีความหมายนำไปขยายความว่าเป็นความผิดพลาดของผู้เสนอหรือไม่ จะเกิดความเคลื่อนไหว เรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบอย่างหนึ่งอย่างใดหรือเปล่า เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะพวกตั้งป้อมล้มรัฐบาล ไม่ว่าจากเรื่องใดก็ตาม ย่อมรอจังหวะ หาช่องที่ถือเป็นความบกพร่องผิดพลาดของฝ่ายกุมอำนาจ งานนี้รอดูว่าจะแก้ลำกันยังไง

ด้านพรรคขวางลำในรัฐบาลจนได้ฉายาภูมิใจขวางอย่างภูมิใจไทย ภาพที่เห็น อนุทิน ชาญวีรกูล ไปตีกอล์ฟร้องเพลงกับนายใหญ่ ไม่ใช่แค่สายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมากว่า 20 ปีตามที่ลูกสาวคนเล็กของทักษิณว่าเท่านั้น นอกเหนือจากต้องการสื่อว่าไม่มีปัญหากันภายในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ยังเป็นการสะกิดเตือนให้ลูกพรรคของทั้งสองคนได้ตระหนักถึงท่าทีที่จะแสดงออกไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่อ่อนไหว กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลต้องหลีกเลี่ยง

มากไปกว่านั้น การคุยกันในเรื่องสำคัญคงไม่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของการออกรอบดวลวงสวิงอย่างแน่นอน หลายอย่างที่เพื่อไทยเหมือนถูกหักหน้าแต่อยู่ในภาวะจำยอมประเภทขอกันกินมากกว่านี้ ก็ยังมีอีกบางเรื่องหรือหลายเรื่องที่พรรคสีน้ำเงินก็ต้องยอมพรรคนายใหญ่เหมือนกัน เช่นกรณีที่ดินเขากระโดง ท่วงทำนองของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ขึงขัง ที่ดิน 5 พันไร่เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยชัดเจน ยอมเป็นสัญญาณเตือนไปยังฝ่ายที่คิดจะเบ่งกล้ามโชว์ได้

แม้ว่ากรณีนี้ท้ายที่สุดจะต้องไปตัดสินกันในกระบวนการยุติธรรม แต่ในมิติทางการเมืองหากถูกตีซ้ำ ย้ำกันบ่อย ๆ ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นกับพรรคที่ถูกมองว่ามีส่วนได้เสียกับที่ดินผืนใหญ่ดังกล่าวได้ ประเด็นทั้งหลายเหล่านี้ทางการเมืองถือว่าอยู่ในวิสัยที่จะสามารถบริหารจัดการได้ เหมือนที่ทักษิณยืนยันกับนักข่าวหนักแน่น พวกทำนายการเมืองปีหน้าจะร้อนแรงแค่ไอ้ห้อยไอ้โหน อย่าไปใส่ใจมาก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลัก วันนี้ยัง so far so good ไม่มีอะไร

ก่อนที่จะแนะนำนักข่าวอีกว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล เวลาเขียนข่าวก็ไปเติมคนละนิดคนละหน่อย ใส่ข้างนู้นเชียร์ข้างนี้บ้าง มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนจะออกรบ แต่ความจริงไม่มีอะไร ประเมินท่าทีของนายใหญ่ ไม่ใช่การกลบเกลื่อนแรงกดดันทั้งหลายที่ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลของลูกสาว แต่เข้าใจได้ว่ามีความสบายใจ เพราะที่มาของรัฐบาลพลิกขั้วคือการจับมือที่มีฐานสนับสนุนอันแข็งแกร่ง การทลายกำแพงของพรรคที่เคยต่อต้าน เป็นศัตรูกับระบอบทักษิณและตระกูลชินวัตรได้ ย่อมอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ได้กระจ่างชัด

การมีเวทีให้แสดงวิสัยทัศน์ เร้าความสนใจ ก่อให้เกิดการตื่นตัวในหมู่ประชาชนผ่านการช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคแกนนำรัฐบาล เป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของทักษิณ และส่งผลดีต่อรัฐบาลเพราะเป็นการฉายภาพการทำงานต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ครั้งแรกบนเวทีที่อุดรธานีบอกว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะกลับมาคึกคัก ตามมาด้วยการแถลงผลงาน 90 วันของแพทองธารที่ชี้ให้เห็นว่าจะทำอะไรบ้าง จุดประกายสร้างความหวังให้กับประชาชน

ล่าสุด พูดบนเวทีที่สองในการหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่อำเภอสันป่าตอง อู้กำเมืองบอกกับชาวบ้าน “ปีหน้าม่วนแน่” จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง จบหมดทุกปัญหาไม่ว่ายาเสพติด หนี้สินทั้งหลายแหล่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เอาเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน พร้อมทั้งแยกเขี้ยวขู่ตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัด ผู้กำกับการสถานี นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด หากไม่พร้อมใจกันแก้ปัญหายาเสพติดให้บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลประกาศไว้ ก็เตรียมจูงมือกันเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ได้ สมกับที่นักข่าวตั้งฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง แอ็กชันของนายใหญ่ไม่ใช่การตอกย้ำ แต่ทำให้พวกด่ารัฐบาลรู้ว่าอย่ามาตีกินกันง่าย ๆ

อรชุน

Back to top button