“ลวรณ” ปลัดคลัง ยันไม่เคยพูด “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัติ นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ธ.ค.67) กรณีมีข่าวว่า นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันผลการวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขาดคุณสมบัติ ในการดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

ล่าสุด นายลวรณ ออกมายืนยันว่า ไม่เคยให้สัมภาษณ์ตามที่เป็นข่าวว่านายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ ในการดำรงตำแหน่ง ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จนมีผลทำให้ต้องเริ่มการสรรหาใหม่

“ไม่เคยบอกว่าใครมีปัญหา เรายังตอบไม่ได้ กฤษฎีกายังไม่ตอบกลับมา เราจะตอบได้อย่างไร เลขาฯ กฤษฎีกา บอกจะประชุม 25 ธ.ค.67 ดังนั้นเรื่องยังไม่จบ จินตนาการกันไปเอง เราแค่ส่งไปถามความมั่นใจก่อนเสนอ (เสนอให้ครม.) แค่นั้นเอง… ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา ยังไม่รู้ว่าจะตอบมาว่าอย่างไร ที่เรามีหนังสือไปหารือก็ต้องมีหนังสือตอบกลับมาที่รัฐมนตรี ใครก็ยังพูดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคำตอบจากกฤษฎีกาจะออกมาอย่างไร เราแค่ไม่แน่ใจในเรื่องคุณสมบัติ จึงส่งไปให้กฤษฎีกาตีความแค่นั้นเอง รายละเอียดต้องไปถามท่านพิชัย” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

นายลวรณ อธิบายต่อว่า การขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในเรื่องที่นายกิตติรัตน์ เคยดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน) ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เพื่อจะทำให้เกิดเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจนสำหรับการเสนอชื่อผู้ที่จะมาเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ คนต่อ ๆ ไป ว่าจะต้องไม่เป็นบุคคลที่เคยมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ก็เข้าใจกันมาตลอดว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่มีประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ที่หมดวาระไปตั้งแต่เดือน ก.ย.67 ที่ผ่านมา จะไม่มีผลกระทบต่อการประชุมบอร์ดแบงก์ชาติให้ต้องสะดุดลงหรือไม่สามารถประชุมได้แต่อย่างใด เพราะใน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุให้ รองประธานบอร์ดฯ ซึ่งหมายถึง ผู้ว่าการ ธปท. โดยตำแหน่ง สามารถทำหน้าที่แทนได้ในระหว่างที่ยังไม่มีประธานบอร์ดฯ

หากในท้ายสุดคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะมีผลให้นายกิตติรัตน์ จะต้องขาดคุณสมบัติ ตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย นั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธานไม่ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกบุคคล ยังไปไม่ถึงขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ หรือขั้นตอนการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ออกมาในแนวทางนี้ กระทรวงการคลังก็จะต้องเสนอรายชื่อบุคคลเข้าไปใหม่อีกครั้ง โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ชุดที่นายสถิตย์เป็นประธานฯ ก็จะยังต้องทำหน้าที่ในการคัดเลือกต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ