ผิดแผนไปหมด
เดิมทีอีฉันคิดว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังเปิดปีใหม่จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เอาเข้าจริงดันเป๋ไม่เป็นท่า แถมมูลค่าการซื้อขายก็ไม่คึกคัก
เดิมทีอีฉันคิดว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังเปิดปีใหม่จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เอาเข้าจริงดันเป๋ไม่เป็นท่า แถมมูลค่าการซื้อขายก็ไม่คึกคักเหมือนที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นช็อตที่ทำให้อีฉันไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความเชื่อส่วนตัวว่า ตลาดหุ้นไทยเดือน ม.ค. น่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง เพราะไม่น่าจะมีอะไรที่ย่ำแย่เหมือนกับปีก่อนอีกแล้วนะตัวเอง
ด้วยสมมติฐานดังกล่าวทำให้การย่อตัวของดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,372.65 จุด ลบไป 12.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.72 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการซื้อเพื่อลุ้นเด้งกลับ เพราะความกังวลเรื่องลดค่าไฟที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า น่าจะคลี่คลายเป็นลำดับ (บางกระแสบอกไว้อย่างนั้น) เดี๊ยนจึงต้องถามใจนักเล่นว่า กล้าซื้อหุ้นในภาวะการลงทุนแบบนี้หรือเปล่า? หลังเจ็บกันมานักต่อนักแล้วน่ะซี
เมาท์ถึงเรื่องที่ชินชาขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องเอยถึงเรื่องการเมืองที่บ้า ๆ บอ ๆ ในทุกวันนี้ขึ้นมาเป็นลำดับแรก เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้สภาพของสังคมแตกยับเยินไม่มีชิ้นดีนั้น เดี๊ยนมองเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องอยู่กับเรื่องพรรค์นี้ให้ได้ เพราะคนส่วนใหญ่เลือกเดินมาทางนี้กันเอาเอง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะไป “ด่าพ่อล่อแม่” ให้เปลืองน้ำลาย เพราะสุดท้ายมักจะมีอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายประจำเจ้าค่ะ
ขนาดหุ้น BANPU พยายามรักษาทรงมาตั้งนาน ยังถูกกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 5.40 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 8.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.28 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนอย่างแน่นอน ผนวกกับบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ จึงทำให้นักลงทุนต้องหนีตายกันเป็นแถว (บริษัทลูกโดนผลกระทบลดค่าไฟ แม่เลยซวยไปด้วย) นะนายจ๋า
อีกหนึ่งรายที่ต้องเม้าท์ถึง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น GPSC เพราะเป็นหุ้นที่โดนมรสุมรุมกระหน่ำตลอดเวลา เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งโดนผลกระทบจากโครงการขายไฟให้กับ CFP ภายใต้การดำเนินงานของ TOP ที่ล่าช้าออกไปเป็นปี 72 มาหยก ๆ..เที่ยวนี้มาโดนเรื่องลดค่าไฟแบบไม่ทันตั้งตัวอีกดอก ราคาหุ้นเลยทิ้งตัวลงมาที่ระดับ 34.25 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 611 ล้านบาทแบบนี้..ตายหยังเขียดพะย่ะค่ะ
ประเด็นหุ้นย่ำแย่ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นโรงพยาบาล BH เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ออกมาอีกรอบ น่าจะสะท้อนถึงความกังวลที่มีต่อผลงานในปีนี้ จนนำไปสู่การขายหุ้นทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 196 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 688 ล้านบาทแบบนี้ มันเป็นเกมที่ต้องทำใจสถานเดียวว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อจ้า!
เมาท์ถึงเรื่องกังวลขึ้นมาปุ๊บ ก็มีชื่อของหุ้น TRUE ปรากฏขึ้นมาในทันที เพราะแรงขายที่ออกมาเป็นระยะ จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 11.10 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 840 ล้านบาท ก็เกิดจากความกังวลเรื่องประมูลคลื่น 2300 MHz อาจมีราคาสูงเกินไป ซึ่งเป็นช็อตที่บังคับให้นักลงทุนต้องขายหุ้นออกมาก่อน เพราะสถานการณ์มันไม่น่าไว้ใจเลยเลยน่ะซี
ขนาดหุ้น MONO มีขาประจำเข้ามาเล่นเป็นรอบ แต่ทันทีที่บรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ พวกนักเล่นก็หนีกระเจิงกันเป็นแถวเหมือนกัน วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 2.04 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 8.10 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 172 ล้านบาทอีกครั้ง และต้องดูต่อไปว่า เที่ยวนี้จะประคองตัวเหนือแนวรับสำคัญที่บริเวณ 2 บาทได้หรือไม่? หากออกอาการไม่ดี ก็ต้องเปิดตูดหนีเหมือนกันค่ะ
ตบท้ายกันที่เรื่องราวขมุกขมัวของหุ้น EASTW กันดีกว่า เพราะวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ทำไมกรรมการอิสระทั้ง 4 คนถึงแท็กทีมลาออกพร้อมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ ขณะเดียวจะเห็นว่า บรรดาขาเผือกให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก พร้อมกับซุบซิบไปถึงขั้นที่ว่า ในบริษัทต้องมีปัญหาบางอย่างซ่อนไว้แน่ ๆ หุ้นถึงทรุดลงมาที่ 2.32 บาท ลบไป 0.38 บาท หรือลงไป 14% และเมื่อรวมเบ็ดเสร็จ 4 เดือนราคาหุ้นร่วงไป 40% ยังจะปากแข็งว่า ไม่มีปัญหาอีกเหรอคุณพี่!
โมนิก้า: และทีมงาน