เล่นตัวไหนดี?

วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงอาการของตลาดหุ้นไทยที่สวิงไปมาจนจับทิศทางไม่ถูก เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติของหุ้นตัวต่าง ๆ


วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงอาการของตลาดหุ้นไทยที่สวิงไปมาจนจับทิศทางไม่ถูก เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติของหุ้นตัวต่าง ๆ รวมถึงเป็นการสื่อให้เห็นสถานการณ์ของธุรกิจในปีนี้อาจไม่สวยหรูเหมือนที่คิดไว้ เดี๊ยนเลยต้องออกมาย้ำเรื่องราวที่มันชุลมุนเป็นช่วง ๆ เพราะคำถามที่มิตรสหายเจอบ่อยในตอนนี้คือ เล่นหุ้นตัวไหนดี? เพราะเข้าตัวไหน ก็เจอดอยทุกทีน่ะซี

ขนาดวันก่อนตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้น 20 จุด และทำท่าเหมือนจะไปต่อ แต่วานนี้กลับไหลลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะตีกลับขึ้นไปปิดที่ระดับ 1,387.72 จุด ลบไป 3.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.53 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปวดตับอย่างแรง เพราะสถานการณ์ไม่ได้เป็นเหมือนที่ประเมินไว้สักอย่าง จนอีฉันเองเริ่มไปไม่ถูกเหมือนกัน เพราะหุ้น “ตัวดัง ตัวเด็ด” ตกอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเพลียแรงบ่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ

โดยเฉพาะในรายของ KCE เหมือนมีแรงฮึดสู้กลับอย่างแข็งแกร่ง แต่วานนี้ดันไหลลงเท่ากับวันที่ขึ้นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะหุ้นแสดงอาการจะลงต่ออย่างชัดเจน ผนวกกับการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 23.80 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 605 ล้านบาท ท่ามกลางบรรยากาศลงทุนที่อึมครึม เดี๊ยนย่อมมีความกังวลมากขึ้นเท่านั้นเองจ้า!

เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC ก็เป็นหุ้นที่อีฉันเคยเตือนมาตั้งนานแล้วว่า สถานการณ์ของบริษัทไม่สู้ดีเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็น “ปูน กระดาษ ปิโตรฯ” ล้วนอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด และเรื่องดังกล่าวก็กระทบโดยตรงกับราคาหุ้นในกระดาน “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเหตุผลที่หุ้นอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 160.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 701 ล้านบาทอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ไงล่ะคะ

ขนาดหุ้นโรงพยาบาลแถวหน้าของตลาดหุ้นไทยอย่าง BDMS ยังถูกรินขายแบบไม่มีเยื่อใย “โมนิก้า” เลยไม่มีความจำเป็นต้องยกเหตุผลอื่น ๆ มาอธิบายให้เสียเวลา เพราะแค่ดูจากทิศทางของหุ้นที่ลงลูกเดียว ควบคู่กับผลการดำเนินงานที่ทำได้พอ ๆ กับปีก่อน เพียงเท่านี้ก็รู้ได้ทันทีว่า หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในเรดาร์ของกองทุน วานนี้จึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 24 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 853 ล้านบาทพะย่ะค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น MEDEZE ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นที่ปลดล็อกความกังวลการใช้สเต็มเซลล์เพื่อความงามได้สำเร็จ ราคาหุ้นก็ไปต่อแบบสบาย ๆ แต่ทันทีที่ภาวะลงทุนไม่เป็นใจ ผนวกกับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็ว จึงเริ่มมีแรงขายออกมาเป็นระลอก จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 9.35 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 5.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 340 ล้านบาทแบบนี้ มันมีอะไรต้องกังวลไหม?..ลองถามใจเธอดูนะจ๊ะ

ส่วนรายที่ต้องกังวลจริง ๆ “โมนิก้า” กลับมองไปที่หุ้น INSET เพราะในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 67 ราคาหุ้นยังป้วนเปี้ยนไปมาที่ระดับ 3.50 บาท แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 2.82 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า ราคาหุ้นมีโอกาสลงมาปิดแก๊ปด้านล่างที่บริเวณ 2.30 บาทแบบนี้..เสียวไหมล่ะตัวเอง

เช่นเดียวกับหุ้นอาหารแมว ITC โดนรินขายออกมาเบา ๆ เมื่อ 2 วันก่อน แต่วานนี้กลับโดนถล่มตูมเดียว จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 20.10 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 509 ล้านบาท มันกลายเป็นประเด็นที่ต้องลุ้นหนักพอสมควร หลังหุ้นลงมาแตะจุดเด้งพอดีแบบนี้..มันบังคับให้หุ้นต้องเด้งในวันนี้ หากไม่เด้งเหมือนที่เป็นมาก ก็คงต้องโกยเถอะโยม!

ปิดท้ายกันที่หุ้น SKY ที่จู่ ๆ โดนขายหนักแบบไม่ให้รู้ตัว จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 23.90 บาท ลบไป 1.85 บาท หรือลงไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 165 ล้านบาท “โมนิก้า” ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายว่า เกิดอะไรขึ้น? แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หุ้นลงมาใกล้จุดเด้งครั้งก่อนที่บริเวณ 23 บาท จึงอยากให้นักเล่นประเมินความน่าลงทุนของหุ้นตอนนี้อยู่ในระดับไหน?..หากเดี๊ยนแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป อาจถูกครหาว่า เชียร์ออกนอกหน้า..อิอิอิ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button