BBGI บวก 5% ส่งซิกธุรกิจปีนี้สดใส เชื้อเพลิงชีวภาพโต-บุ๊ก ‘บีบีจีไอ ไบโอดีเซล’ เต็มร้อย
BBGI บวก 5% ส่งสัญญาณบวกปี 68 ยอดขายเชื้อเพลิงชีวภาพยังเติบโต หลังปิดดีลรวบ BBGI-BI ครบ 100% หนุนกำลังผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน บุ๊กส่วนแบ่งกำไรเต็มร้อยตั้งแต่ ธ.ค. 67 เป็นต้นไป ขณะที่โครงการ SAF และ CDMO งานก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 70%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ม.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ณ เวลา 15:03 น. อยู่ที่ระดับ 4.54 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.61% สูงสุดที่ระดับ 4.74 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.57 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BBGI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพจะยังคงเติบโต จากยอดขายและปริมาณการขายที่อยู่ในระดับสูง ด้วยกลยุทธ์การใช้กำลังการผลิตเต็มกำลัง ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจธุรกิจหลักจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บีบีจีไอ ไบโอดีเซล จำกัด หรือ BBGI-BI ได้สำเร็จ จะเข้ามาเสริมทัพ ตอกย้ำผู้นำในอุตสาหกรรม หลังจากเข้าถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 100% จากเดิมถือหุ้น 70% และจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรใน BBGI-BI เข้ามาเต็มจำนวนตั้งแต่เดือนธันวาคม 67 เป็นต้นไป สนับสนุนผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง กำลังการผลิตตามสัดส่วนจะพุ่งทะยานแตะ 1 ล้านลิตรต่อวัน จากเดิม 7 แสนลิตรต่อวัน รองรับความต้องการกลุ่มบริษัทบางจากฯ
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามา ได้แก่ โครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 20% ปัจจุบันมีความคืบหน้างานก่อสร้างไปแล้ว 70% คาดพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 2/2568 ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (CDMO) บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 75% ล่าสุดมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้ว 70% คาดในเฟสแรกจะเริ่ม COD ภายในปี 2568 เป็นฐานด้านไบโอเทคโนโลยีแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ตลาดโลก
ทั้งนี้ การบริหารตลอดห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจ พร้อมรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากภาคธุรกิจและประชาชนผ่านปั๊มบางจากมากกว่า 233 แห่ง ตามโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และขยายเครือข่ายพันธมิตรเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม ทำให้มีความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบ มุ่งสู่เป้าหมายช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบิน โดยเห็นสัญญาณที่ดีจากหลากหลายประเทศส่งเสริมการใช้น้ำมัน SAF มากขึ้น โดยในปี 2568 จะมีในกลุ่มประเทศยุโรป อังกฤษ และอินเดียจะเริ่มมีการกำหนดสัดส่วนการผสมของ SAF
“บริษัทประเมินภาพรวมปี 2568 ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพจะยังคงเติบโต พร้อมกับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อหุ้น BBGI-BI เข้ามาเสริมทัพ ตอกย้ำผู้นำในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ธุรกิจใหม่โครงการ SAF และโครงการ CDMO คาดว่าการก่อสร้างของโรงงานจะแล้วเสร็จในปี 2568 หนุนการเติบโตของธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพในมิติใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อการลดปริมาณคาร์บอนที่ส่งผลต่อภาวะเรือนกระจกได้เช่นเดียวกับธุรกิจไบโอดีเซลและเอทานอลได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายกิตติพงศ์ กล่าว