มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ Upside จำกัด หลังไร้ปัจจัยใหม่และรอนโยบายรัฐบาลใหม่สหรัฐ
InnovestX มองว่า แม้รายงานการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. เผยความกังวลต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าคาด และมีการปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปี 2025
InnovestX มองว่า แม้รายงานการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. เผยความกังวลต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าคาด และมีการปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปี 2025 เหลือเพียง 2 ครั้งจากเดิม 4 ครั้ง ท่ามกลางความกังวลจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังสูง การใช้จ่ายที่แข็งแกร่ง และความไม่แน่นอนจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับผลการประชุมอยู่แล้วและไม่ใช่ข้อมูลใหม่ InnovestX จึงยังคงมุมมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ ต้องจับตาพัฒนาการของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ รวมถึงนโยบายรัฐบาลใหม่ใกล้ชิด ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้นต่อเนื่องนั้น InnovestX มองว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีเฉลี่ยอาจอยู่ที่ประมาณ 4.7% โดยในระยะต่อไปอาจมีการปรับลดลงหากนโยบายของรัฐบาลใหม่ทำให้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ และ/หรือ ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ InnovestX มองว่าจีนยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อ สะท้อนจากเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อผู้ผลิตติดลบต่อเนื่อง 27 เดือนซึ่งหากสถานการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อเนื่อง จะกดดันการใช้จ่ายของครัวเรือนให้ชะลอตัวยาวนานขึ้น รวมถึงกระทบรายได้ของบริษัทจนนำไปสู่การชะลอการลงทุน และเสี่ยงต่อเกิดวงจรการลดเงินเดือนและเลิกจ้าง ทำให้รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภคและอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งเรามองว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้องในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม InnovestX มองว่า ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น ทั้งจากวิกฤตเงินฝืด วิกฤตอสังหาฯ และความเสี่ยงสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านลบของเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่มีแนวต้านที่บริเวณ 1,400 จุด ทั้งนี้แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงแย่กว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค จากความกังวลเรื่องเสถียรภาพการเมืองและ ESG ของบจ. รวมทั้งตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขส่งออกรถยนต์ของไทยสัปดาห์หน้าคาดมีแนวโน้มอ่อนแอลง แต่ยังมีความคาดหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลดค่าครองชีพในประเทศเพิ่มเติมจากรัฐบาล รวมถึงการเริ่มต้นมีผลบังคับใช้ของมาตรการ Easy E-Receipt ตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 จะช่วยกระตุ้นงบไตรมาส 1/68 ให้เติบโตได้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้น ตลาดคาด GDP ไตรมาส 4/67 ของจีนจะเพิ่มขึ้น 5% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเงินเฟ้อ ธ.ค. 67 ของสหรัฐฯ จะเร่งตัวขึ้น 2.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จาก 2.7% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ใน พ.ย. 67 ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการลดดอกเบี้ยของเฟดจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงอาจจะไม่กดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC, HMPRO, CPALL, TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG, OSP) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT)
2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP, KTB, BBL, PTT
3.หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/67 ที่คาดจะเติบโตดี เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ จากไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก OSP, AMATA, AU TIDLOR, BCP
Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรใน 1) หุ้นที่คาดมีโอกาสได้ Sentiment บวกจากภาครัฐมีนโยบายออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมซึ่งคาดจะมีเรื่องแผนดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและ Entertainment Complex รวมทั้งการลดค่าครองชีพและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาขน แนะนำ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) กลุ่มพาณิชย์ (CPALL, CRC) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, AWC) และ 2) หุ้นที่ราคา Laggard (เทรด PER 68F ต่ำกว่า -1SD) แต่ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำ BTG, BEM, BDMS
สุกิจ อุดมศิริกุล
จีนออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด
มาตรการกระตุ้นการบริโภคของทางการจีน | |
1 | อุดหนุน 15% สำหรับการซื้อสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ที่ราคาไม่เกิน 6,000 หยวน (ประมาณ 30,000 บาท) โดยจำกัดวงเงินสูงสุด 500 หยวนต่อชิ้น |
2 | ขยายรายการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับเงินอุดหนุนจาก 8 รายการเป็น 12 รายการ เพิ่มเครื่องล้างจาน หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ และเครื่องกรองน้ำ |
3 | ต่ออายุโครงการแลกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด หลังประสบความสำเร็จในปี 2024 ด้วยยอดขายกว่า 3.7 ล้านคัน |
4 | เพิ่มเงินอุดหนุนเครื่องจักรกลการเกษตรบางประเภทเป็น 80,000 หยวนต่อรายการ |
Source: Bloomberg, INVX