กระทรวงการคลังกับคริปโทเคอร์เรนซี
เป็นเรื่องฮือฮาพอสมควรกับท่าทีของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งบอกว่าพร้อมจะให้คริปโทเคอร์เรนซีอิงค่าเงินบาทได้ในปีนี้
เป็นเรื่องฮือฮาพอสมควรกับท่าทีของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งบอกว่าพร้อมจะให้คริปโทเคอร์เรนซีอิงค่าเงินบาทได้ในปีนี้ ถือเป็นการปฏิวัติทางความคิดครั้งสำคัญสำหรับเรื่องนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ
คงจะทราบกันดีว่านโยบายเรื่องคริปโทเคอร์เรนซีของประเทศไทยนั้นถึงขนาดที่ถือว่าเงินคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และแบงก์ชาติขวางลำอยู่
เหตุผลที่ขวางลำอยู่นั้นเกิดจากข้ออ้างเดิม ๆ ว่า เงินสกุลดังกล่าวเป็นการท้าทายนโยบายรวมศูนย์อำนาจของแบงก์ชาติในการกำกับดูแลนโยบายการเงินของประเทศที่เน้นเรื่อง centralization แต่ปรัชญาของ Cryptocurrency คือการดีเซ็นทรัลไลเซชัน ซึ่งแนวทางที่ขัดแย้งกันดังกล่าวทำให้ยากที่จะกำกับดูแลกันได้
แนวทางของแบงก์ชาตินั้นว่าไปแล้วก็สอดรับกับแนวทางของนายธนาคารกลางทั่วโลก ที่เน้นวินัยการเงิน คือไม่ปล่อยให้เงินเคลื่อนไหว อย่างเป็นอิสระแบบคริปโทเคอร์เรนซีที่มีบิตคอยน์เป็นหัวโจก
ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด และธนาคารกลางยุโรปรวมทั้งธนาคารกลางของจีนต่างก็ถือว่าคริปโทเคอร์เรนซีคือตัวการร้ายที่บ่อนทำลายเสถียรภาพของตลาดเงิน และถือว่าบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเทียบกับเงินสกุลหลัก ๆ ของโลกได้ แต่คำเตือนดังกล่าวไม่เป็นผลเพราะว่าเงินสกุลคริปโทเคอร์เรนซีเกิดขึ้นมาและโดดเด่นพร้อมกับปรากฏการณ์ซื้อขายที่เรียกว่าบล็อกเชนซึ่งคนคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่มีการซื้อขายมากขึ้นและมูลค่าก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งใกล้เคียงกับ 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้รัฐบาลบางประเทศที่ค่าเงินอ่อนแอต้องอิงค่าเงินของตนเข้ากับบิตคอยน์ เช่น รัฐบาลประเทศภูฏาน และรัฐบาลหลายประเทศก็เริ่มเอนเอียงที่จะยอม รับค่าเงินบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีไว้เป็นแหล่งอ้างอิงทางการเงินโดยที่แบงก์ชาติและนายธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มมีความโน้มเอียงที่จะยอมรับค่าเงินคริปโทเคอร์เรนซี อย่างเป็นทางการมากขึ้น การที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของไทยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะยอมให้เงินบาทเทียบค่ากับคริปโทเคอร์เรนซีได้อย่างเปิดเผย จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของประเทศทำนองเดียวกับ “หากฆ่าปิศาจไม่ได้ ก็ยอมรับให้เป็นพวกเดียวกันเสียเลย”
ท่าทีของรัฐมนตรีคลังคงทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจำต้องยอมรับนโยบายดังกล่าวอย่างเลี่ยงไม่พ้นแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ที่สำคัญซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีของวงการคริปโทเคอร์เรนซีไทย คือการที่แบงก์ชาติเลิกต่อต้านและมีมุมมองเชิงบวก และอาจกลายเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเสียเอง
ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือตลาดคริปโทจะเติบใหญ่อย่างมีมาตรฐานของตลาดเองโดยกลุ่มบล็อกเชนเป็นผู้เล่นรายสำคัญ
วิษณุ โชลิตกุล