เริ่มสู้กลับ
สิ่งที่ “โมนิก้า” ยังไม่ได้คำตอบก็คือ ตลาดหุ้นไทยจะไปในทางใด? หลังนักลงทุนแต่ละกลุ่มยังมีอาการแทงกั๊กอยู่ร่ำไป
สิ่งที่ “โมนิก้า” ยังไม่ได้คำตอบก็คือ ตลาดหุ้นไทยจะไปในทางใด? หลังนักลงทุนแต่ละกลุ่มยังมีอาการแทงกั๊กอยู่ร่ำไป โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนที่ “น้องดาว” เป็นคนดูแลเงินกองทุนวายุภักษ์ กลับไม่สู้เหมือนที่หลายคนคาดหวัง เลยทำให้อีฉันงงกับเรื่องนี้ไปหมด เพราะหลายครั้งที่ดัชนีเด้งขึ้นแรงทีไร มักยืนระยะไม่ได้สักที เดี๊ยนเลยหวังในใจว่า เที่ยวนี้จะไม่เหมือนเที่ยวก่อนนะออเจ้า
โดยเฉพาะแรงซื้อที่ไหลกลับเข้ามาในช่วงบ่าย พร้อมกับดันดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,353.17 จุด บวกไป 12.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.42 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการพลิกสถานการณ์ที่น่าสนใจ เพราะเหมือนเป็นการสลายความอึมครึมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปบางส่วน ขณะเดียวกันก็เป็นการบอกเป็นนัยว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองดัชนีที่ระดับต่ำกว่าแนวรับ 1,350 จุด สามารถลุ้นเด้งกลับได้น่ะซี
ถึงกระนั้นก็ต้องประเมินกันต่อไปว่า วันนี้จะเป็นเช่นไร? เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มันมีประเด็นที่สร้างความไม่สบายใจเยอะพอสมควร และหนึ่งในหลายเรื่องที่เป็นปัญหาในตอนนี้ก็คือ ต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นแบบจริงจังกี่โมง? เพราะการกลับมาของต่างชาติจะเป็นแรงหนุนที่ทำให้ดัชนียืนหยัดอย่างมั่นคง รวมทั้งนักลงทุนได้เห็นแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจคร่าว ๆ ก็น่าจะทำให้ดัชนีตอบรับข่าวดังกล่าวอย่างแข็งแกร่งนะจ๊ะ
น่าเสียดายที่ประเด็นข้างต้นไม่มีผลกับหุ้น CCET เพราะหุ้นได้เปลี่ยนทิศเป็นขาลงไปแล้ว และการร่วงลงมาปิดที่ระดับ 8.40 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท ก็เป็นการร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พร้อมกับวอลุ่มที่หนาแน่นแบบนี้..ตามตำราหุ้นที่ไม่ต้องอิงกับเรื่องพื้นฐาน เขาว่ากันว่า หุ้นน่าจะร่วงต่อเป็นวันที่ 3 ต่อจากนั้นก็จะเด้งขึ้นใหม่เจ้าค่ะ
ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงกลายเป็น SISB เพราะราคาหุ้นร่วงลงเรื่อย ๆ แบบไม่มีลิมิต “โมนิก้า” มาเห็นอีกทีตอนที่หุ้นยืนปิด 23.70 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 7.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 563 ล้านบาทเสียแล้ว และเมื่อนับรวม 6 วันทำการจะพบว่า หุ้นตัวนี้ร่วงไป 21% ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก และคำตอบของเรื่องนี้ก็คือ คนจีนในไทยโดนหลอกเยอะมาก จึงอาจทำให้นักเรียนลดฮวบพะย่ะค่ะ
เช่นเดียวกับราคาหุ้น MASTER ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ก็มีความกังวลมาจากเรื่องผลงานไม่เป็นไปตามเป้า เพราะเมื่อดูจากการแข่งขันที่รุนแรง ควบคู่กับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไร้ทิศทาง มักจะส่งผลโดยตรงกับธุรกิจความสวยความงาม “โมนิก้า” จึงรู้สึกเห็นใจมาก ๆ ที่ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 40.25 บาท ลบไป 4.25 บาท หรือลงไป 9.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนะตัวเอง
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น RBF ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเป็นหุ้นขนาดกลางที่มีรายย่อยเล่นจำนวนหนึ่ง เดี๊ยนจึงรู้สึกเห็นใจที่ราคาหุ้นทรุดลงมาปิดที่ระดับ 6.05 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91 ล้านบาท เพราะหุ้นใช้เวลาตั้งทรงนานกว่าจะขึ้นได้ และใช้เวลานานในการประคองตัว แต่โดนเทขายแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงแบบนี้..เจ็บจี๊ดเหลือเกินจ้า!
คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหุ้น LTS ก็ถูกสาดโครมเดียวลงมาปิดที่ระดับ 13.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท แถมเป็นการร่วงแรงวันที่ 2 แบบนี้ เดี๊ยนพูดได้ทันทีว่า วันนี้มีโอกาสโดนจัดหนักอีกอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูสภาพของหุ้นในตลาด เอ็ม เอ ไอ แต่ละตัว ณ เวลานี้ เดี๊ยนมีความเชื่อส่วนตัวว่า คงตกอยู่ในสภาพถูกขายเพื่อลดความเสี่ยงกันถ้วนหน้า เพราะเขากลัวกำไรไม่มาตามนัดน่ะซี
เมื่อทุกอย่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และไม่มั่นใจในผลงานจะทำได้จริง “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่เห็นหุ้น KGEN ภายใต้การกำกับของ “หลิน” มีสภาพเละเทะอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้มาด้วยเกมหุ้นเพียว ๆ และวาดฝันโปรเจกต์รถไฟฟ้าจะเป็นแบบนั้น..จะเป็นแบบนี้ พอผ่านพ้นช่วงเวลาอันหวานชื่น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สามัญ หุ้นถึงทรุดลงมากองอยู่ที่ 0.82 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 10.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาทแบบหมดสภาพไงล่ะคะ
โมนิก้า: และทีมงาน