“จิรายุ” แฉ “กลุ่มทุนเจ้าของบ่อน” หวังคว่ำพ.ร.บ. “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์”
โฆษกรัฐบาล แฉ “กลุ่มทุนเจ้าของบ่อน” หวังคว่ำพ.ร.บ. “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ไล่ “ฝ่ายค้าน” ย้อนดูนโยบายหาเสียงของพรรคตัวเอง หลังออกมาวิจารณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” (Entertainment Complex) เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (16 ม.ค.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
มีฝ่ายค้านบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการนำปัญหาความจริงของสังคมที่หมักหมมเป็นเวลานาน เช่น การพนันออนไลน์ การแทงบอล แทงม้า และการเล่นการพนันต่าง ๆ ทั้งในและรอบประเทศ ขึ้นมาแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นจริง
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปดูนโยบายของพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้ หลายพรรคที่เป็นฝ่ายค้านในปัจจุบันก็เคยมีนโยบายหาเสียงในการจะเปิดสถานบริการการพนัน หรือบ่อนเสรี โดยหลายนโยบายยังมีการกำหนดให้สามารถมีทุกจังหวัดได้อีกด้วย จึงอยากเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านกลับไปดูนโยบายของพรรคและนำมาเปรียบเทียบกับนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาและช่วยกันนำเรื่องจริงของสังคมไทยมาร่วมกันแก้ไขในชั้นรับหลักการ หรือช่วงแปรญัตติ หรือชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณารายมาตรา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านในปัจจุบัน ยังเคยกล่าวในเวทีหาเสียงไว้ว่า “ปัจจุบันมีธุรกิจที่ผิดกฎหมายแต่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่เป็นจำนวนมาก โดยรัฐก็ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง สุดท้ายกลายเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์และนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เช่น การฟอกเงินของผู้ค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์ รวมไปถึงการกดขี่ลูกจ้างแรงงานในอุตสาหกรรมไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ซึ่งการนำธุรกิจที่ผิดกฎหมายและอยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน โดยกำกับควบคุมอย่างเข้มข้น ถือเป็นทางออกที่จะสามารถควบคุมการดำเนินธุรกิจได้จริงจัง ปิดช่องที่จะเกิดการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ รวมถึงการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และยังสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้อีกด้วย โดยพรรค…. เสนอให้มีกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยจำกัดอายุผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 20 ปี จำกัดฐานะของผู้เล่น โดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะมีสิทธิเล่นได้ ให้ยึดตามรายได้ที่แจ้งต่อสรรพากรในปีภาษีก่อนหน้า จำกัดจำนวนกาสิโน โดยถ้าจังหวัดไหนจะมีกาสิโนได้ ต้องออกเป็น พ.ร.ฎ. กำหนดพื้นที่และจำนวนกาสิโนที่จะออกใบอนุญาตได้ เป็นต้น”
แฉเจ้าของบ่อนเริ่มขยับขวางพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ
นายจิรายุ กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายความมั่นคงเริ่มพบว่ามีการขยับที่จะทำทุกวิถีทางโดยมีเป้าหมายต้องล้ม พ.ร.บ.นี้ เพื่อให้พวกเขายังคงธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ต่อไป สุดท้ายสังคมไทยก็จะกลับเข้ามาวังวนเดิม ๆ
“หลายสิบปีมานี้ปัญหานี้ คือความจริงของสังคมไทยว่าเป็นอย่างไร ในประเทศจับบ่อนขนาดเล็กขนาดใหญ่ เป็นข่าวเป็นประจำ คนไทยออกไปเล่นการพนันต่างประเทศและรอบประเทศ เหนือ ใต้ ออก ตก มากขนาดไหน มีการเล่นพนัน แทงบอล พรีเมียร์ลีก บอลยูโร บอลโลก สารพัดการแข่งขัน โดยเอาเงินไปให้ต่างชาติกันมากมายขนาดไหน วันนี้ถึงเวลาที่สังคมจะต้องช่วยกันต่อสู้กับธุรกิจสีเทา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
เขาย้ำว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ศึกษามาอย่างรอบด้าน ทั้งผลดีและผลกระทบของสังคมในทุกมิติ ซึ่งพบว่า หากมีกฎหมายควบคุมก็จะสามารถควบคุมกลไกต่าง ๆ ได้ อันมีคุณมากกว่าโทษ โดยในเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อกลั่นกรอง ติดตาม ตรวจสอบ เขียนระเบียบ กฎกติกาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้มาลงทุนเรื่องเงินทุน จะสีดำหรือเทาก็เข้ามาไม่ได้ หากมีกฎหมายฉบับ
นายจิรายุ ยังเปิดเผยถึงการประชุมครม. เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 ว่า มีหลายหน่วยงานเห็นพ้องกันให้เร่งแก้ไขปัญหาโดยหลัก ๆ 3 ประเด็น ดังนี้
1.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ข้อเสนอแนะ ต่อครม. ถึงสถานการณ์ทั้งการพนันออนไลน์และบ่อนการพนันทั้งในและรอบประเทศไทย พบว่า ตำรวจได้จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้าและซิมม้าและคดีพนันออนไลน์ ระยะเวลาเพียง 6 เดือน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จำนวน 15,000 ราย ซึ่ง ป.ป.ช.และ กสทช. ได้ดำเนินการระงับซิมม้ากว่า 3 ล้านเลขหมาย, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) ได้ปิดกั้นเว็บไซต์หลอกลวง กว่า 1.5 แสนราย, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก แม้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ยังพบปัญหาการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้รัฐบาลรับไปเร่งแก้ไขปัญหา
สรุปครม. ให้ “ดีอี” แก้กฎหมายรองแทนออก พ.ร.ก.
- กระทรวงดีอีให้ครม.พิจารณาร่าง พระราชบัญญัติพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับที่ พ.ศ. …. โดยสาระเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่เคยออกไว้เมื่อ ปี 2566 โดยจะขอเพิ่มมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ เช่น การห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม, การให้อำนาจ กสทช. หรือผู้บริการโทรศัพท์มือถือมีอำนาจหน้าที่สั่งระงับการให้บริการเลขหมายเมื่อพบเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด, ให้สถาบันการเงินหรือผู้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อื่น ๆ หรือสื่อสังคมออนไลน์มีส่วนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและเพิ่มเติมบทกำหนดโทษภาระ
ซึ่งเรื่องนี้ที่ประชุม ครม. เห็นว่า มีการประกาศพ.ร.ก. แล้วเมื่อ ปี 2566 จึงให้กระทรวงดีอี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือกันเพื่อพิจารณาปรับรูปแบบการตรากฎหมายเป็นร่าง พ.รบ. เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว หรือการแก้ไขกฎหมายรองลงมา แทนการตรา พ.ร.ก. ขึ้นมาใหม่ โดยให้รับฟังความเห็นของหน่วยงานไปประกอบพิจารณาและส่งให้วิปรัฐบาลพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ ครม. เห็นว่า หากแก้ไขกฎหมายรองอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าเข้าสู่สภาฯ ซึ่งมีถึง 3 วาระ และใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งกระทรวงดีอีได้รับไปพิจารณาในการใช้กฎหมายรองที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่มากนัก
3.ครม.ผ่านความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกลั่นกรองด้านเศรษฐกิจฯ เสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาเห็นชอบในหลักการต่อ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. อาทิ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบาย คณะกรรมการบริหารการจัดตั้งสำนักงานเพื่อกำกับการประกาศประกอบสถานบันเทิงครบวงจร และกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตเพื่อกำหนดมาตรฐานในการรองรับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการลงทุนในประเทศ อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวมในการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวที่ถาวร ทั้งนี้ ที่ประชุมครม. อนุมัติหลักการในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาโดยให้นำความเห็นของข้อสังเกตของคณะกรรมการ รวมทั้งความเห็นของทุกหน่วยงานไปประกอบในการพิจารณาต่อไปด้วย
“สถานบันเทิงครบวงจรนั้น ไม่ได้หมายถึงกาสิโน เพียงอย่างเดียวแต่เป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น สวนสนุก สวนน้ำ สถานที่พักผ่อน โรงแรมระดับหรู โรงละคร และสถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกทั้งในเอเชียและหลายทวีป ต่างพบว่า ธุรกิจที่อยู่บนดินสามารถควบคุมได้ ประชาชนและสังคมจะมีความปลอดภัยในทุกมิติมากกว่า” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย