นายกฯ ลงนราธิวาส ย้ำความสำคัญ “รถไฟทางคู่-สะพานโก-ลก” ผลักดันเยาวชนสู่อนาคตอุตสาหกรรม

นายกฯ “แพทองธาร” ลงพื้นที่นราธิวาส-ยะลา ครั้งแรก พบผู้นำศาสนา ประชาชน เยาวชน อบอุ่น พร้อมย้ำความสำคัญ "รถไฟทางคู่-สะพานโก-ลก"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ม.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรก โดยสวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ” สีชมพูบานเย็น หวานฉ่ำ เป็นผ้าลายอัตลักษณ์ประจำ จ.นราธิวาส

โดยนายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับนักศึกษาและผู้ปกครองที่เข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้”จัดโดย กระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดในพื้นที่ร่วมบูรณาการกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อโอกาสให้ลูกหนี้ กยศ. ที่มีปัญหาหนี้สิน

จากนั้นเวลา 13:20 น. นางสาวแพทองธาร เป็นประธานประชุมเร่งรัดติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และติดตามโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก และรับฟังบรรยายสรุปการจัดหลักสูตร เตรียมความพร้อมการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ภายในห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี ชั้น 2 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของคมนาคมที่ทางจังหวัดนราธิวาสกำลังดำเนินการ ฝากให้ทางจังหวัดดูเรื่องระยะเวลาต้องไม่ล่าช้า เพราะจะเกิดทุนที่เพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลพยายามประหยัดงบประมาณ แต่ก็ต้องการพัฒนาประเทศไปอย่างต่อเนื่อง

กรณีการสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก จากการพูดคุยกับทางประเทศมาเลเซีย ได้ตกลงในความร่วมมือการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับทางมาเลเซียแล้ว คาดว่า จะเริ่มกระบวนการก่อสร้างในเดือน มี.ค.68 และคาดว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมิ.ย. ปีนี้ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2570  สำหรับเรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง ขอให้ทางจังหวัดประสานกับกระทรวงคมนาคม เร่งส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโดยเร็ว

ส่วนของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ถือเป็นการพัฒนาโครงการสาธารณะ ช่วยทำให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลพยายามนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาระบบขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของจีดีพี (GDP) ของประเทศไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาอย่างจริงจัง รวมทั้งหาข้อมูลประเทศเพื่อนบ้านที่เขามีความทันสมัยกว่าประเทศไทย นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อสนับสนุนสินค้าการเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ พื้นที่

สำหรับเรื่องการศึกษา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รับฟังรายงานถือว่าเป็นสิ่งที่ดีตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนให้ทุนส่งเสริมเยาวชนไปเรียนต่อด้านอุตสาหกรรมในอนาคตจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพการศึกษา ด้านเทคนิค แต่เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ขอให้ศึกษาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นและขอให้ประสานงานกับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เยาวชน นักศึกษาไทยมีโอกาสไปศึกษามากยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่นายกรัฐมนตรียืนยันไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการ และนั่งเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปพบนักเรียน นักศึกษา ที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ พร้อมผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่ จ.ยะลา ที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น

Back to top button