กสทช.เร่งเครื่อง! ผนึกกำลัง“ตำรวจ-ปปง.”ยกระดับ “ซิมไบโอเมตริกซ์” กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กสทช. หารือ ตำรวจ-ปปง. เร่งรัดระบบลงทะเบียน "ซิมไบโอเมตริกซ์" ยืนยันตัวตนและคัดกรองข้อมูลปลอม พร้อมสั่งล้างระบบส่ง SMS ให้ผู้ประกอบการทุกรายลงทะเบียนใหม่ สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (17 ม.ค.68) พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ. ศปอส.ตร., พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต. เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง., พร้อมด้วย ผู้แทน สกมช., สมาคมธนาคาร, ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการฯ เพื่อพิจารณาออกมาตรการเร่งด่วนแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนี้

1.นำระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) มาใช้ในการลงทะเบียนซิมการ์ด เพื่อคัดกรองและลดการปลอมแปลงข้อมูล, 2. จำกัดการลงทะเบียนซิมชาวต่างชาติได้ไม่เกินสามซิม / คน / ค่าย และให้ใช้ passport ลงทะเบียนเท่านั้น และ3.Set Zero ระบบ SMS แนบลิงก์ ให้ผู้ประกอบการทุกรายลงทะเบียนใหม่ และส่งลิงก์มาให้ตรวจก่อนส่ง เริ่มวันที่ 1 ก.พ 68

นอกจากนั้น ยังได้หารือมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น กำหนดให้แสดงชื่อผู้โทรเข้าแทนเลขหมาย (Caller ID) และ การกำหนดให้ระบบ Mobile Banking ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากซิมการ์ดเท่านั้น เมื่อต้องการโอนเงินจำนวนมากๆ มาตรการเหล่านี้จะทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ กสทช. ร่วมกับ ตำรวจ ตรวจยึด Simbox และ ซิมการ์ดจำนวนมาก เมื่อทำการตรวจสอบพบว่าซิมการ์ดเหล่านี้ส่วนใหญ่ลงทะเบียนโดยคนต่างชาติ ด้วยเอกสารแสดงตนปลอม หรือใช้ภาพบุคคลอื่น ในที่ประชุมวันนี้ได้หารือเพื่อเสนอออกประกาศ กสทช. ให้ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) หรือข้อมูลชีวภาพ และจำกัดการลงทะเบียนซิมของแรงงานสามสัญชาติได้ไม่เกินสามซิม/คน/ค่าย

โดยต้องใช้ passport ลงทะเบียนเท่านั้น รวมทั้ง Set Zero ระบบการส่ง SMS แนบลิงก์ โดยให้ผู้ประกอบการทั้งหมดลงทะเบียนใหม่และส่งลิงก์ให้ตรวจสอบก่อนส่ง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือมาตรการสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สำคัญอื่นๆ อาทิ การแสดงชื่อผู้โทรเข้า และการใช้เน็ตจากซิมในการโอนเงินจำนวนมากๆ มาตรการเหล่านี้จะทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทำงานได้ง่ายขึ้น ขณะที่กลุ่มมิจฉาชีพก็จะก่ออาชญากรรมลำบาก

ขณะที่ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เสนอมาตรการ Caller ID ระบบจะแสดงชื่อผู้โทรเข้า เพื่อให้ผู้รับสายปลายทางทราบ ซึ่งจะทำให้มิจฉาชีพโทรหลอกลวงประชาชนได้ยากขึ้น โดยได้หารือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ถึงแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม ในส่วนของการปราบปรามซิมผีนั้น ตนได้สั่งการไปยังหน่วยในสังกัด ตร. ให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กสทช. ในการกวดขันจับกุมดีลเลอร์ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบในการลงทะเบียนซิมการ์ด เพื่อปิดช่องโหว่ในการลงทะเบียนซิมการ์ดอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พรก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ มาตรา 9 และ 11 มีทั้งโทษทั้งจำคุกและโทษปรับ

อนึ่ง การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กสทช., ปปง., และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้ เป็นการขานรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเร่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และป้องกันปัญหาเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวงทางออนไลน์

นอกจากนี้ พล.ต.ต. เอกรักษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง ปปง. ได้เสนอมาตรการ Mobile Banking โดยกำหนดให้การโอนเงินจำนวนมากๆ เช่น จำนวน 50,000 บาทขึ้นไป ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากซิมการ์ด โดยจะต้องทำควบคู่กับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งจะทำให้การโอนเงินของกลุ่มมิจฉาชีพทำงานได้ยากขึ้น

Back to top button