“ทองคำนิวยอร์ก” ปิดลบ 2.2 เหรียญ หลังดอลลาร์แข็งค่า
“ทองคำนิวยอร์ก” ปิดลบ 2.2 ดอลลาร์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 0.5% ในสัปดาห์นี้ หลังคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ม.ค. 68) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (17 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้น ทำให้ราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับสำคัญที่ 2,700 ดอลลาร์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,748.70 ดอลลาร์/ออนซ์
“การปรับตัวลงในวันนี้ไม่ถือว่ารุนแรง แต่เป็นการขายทำกำไรมากกว่าอย่างอื่น และอาจได้รับผลกระทบจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในระหว่างวัน ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำ” เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าผลิตภัณฑ์โลหะที่ไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์ส (High Ridge Futures) กล่าว
ทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนในวันพฤหัสบดี โดยอยู่ห่างจากราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790.15 ดอลลาร์ที่เข้าทดสอบในเดือนต.ค. 2567 อยู่เพียง 65.6 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 หลังจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ที่ออกมาน้อยกว่าที่คาดเมื่อวันพุธ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าหนึ่งครั้งในปีนี้
บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งภายในสิ้นปีนี้ โดยคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดได้บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงมากขึ้น หากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอลงอีก
ตอนนี้ตลาดกำลังรอคอยการสาบานตนของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค. และคาดว่าภาษีการค้าของทรัมป์จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและทำให้เกิดสงครามการค้า ซึ่งอาจทำให้ทองคำมีความน่าสนใจในฐานะเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
“ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายที่ปธน.ทรัมป์จะนำมาใช้นั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ”
ทองคำซึ่งไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยมักถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง และได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง