หุ้นจะดีกี่โมง?
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเม้าท์แตกเรื่องชาวบ้าน “โมนิก้า” ขอเข้าเนื้อหาสาระสำคัญของเรื่องราวต่างกันบ้างดีกว่า
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเมาท์แตกเรื่องชาวบ้าน “โมนิก้า” ขอเข้าเนื้อหาสาระสำคัญของเรื่องราวต่างกันบ้างดีกว่า เพราะเรื่องใหม่ที่เดี๊ยนได้ยินพวกขาเม้าท์พูดกันเยอะมากก็คือ โบรกฯ ฝรั่ง และโบรกฯ ไทยที่เป็นรายเล็ก ๆ เริ่มพากันถอนตัวจากตลาดหุ้นไทย เพราะมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำกว่าระดับ 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน มันทำให้โบรกเกอร์ต้องแบกต้นทุนหลังแอ่น และเมื่อมองไปข้างหน้าก็ทำให้เห็นว่า คงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เลยไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม?..อิอิอิ
โดยความคิดข้างต้นก็สอดคล้องกับแนวความคิดของรายย่อย และเรื่องนี้ก็ดูได้จากสัดส่วนของรายย่อยที่ลดลงมาเหลือ 31% จากก่อนหน้านี้เคยยืนอยู่ในระดับ 35% ก็เป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก และสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เห็นว่า นักลงทุนเสื่อมศรัทธากับตลาดหุ้นไทย จึงเลือกใช้วิธี “หยุดเทรด” เพื่อกลับไปเลียแผลให้หายสนิทเสียก่อนน่ะซี
ประกอบกับเช้าวันศุกร์ดัชนีโดนจัดหนักตั้งแต่เปิดตลาดหุ้น ก่อนมีแรงสู้กลับเป็นระลอก จนประคองตัวปิดที่ระดับ 1,340.63 จุด ลบไป 11.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.75 หมื่นล้านบาท ก็เป็นฉากสะเทือนใจที่ทำให้แมงเม่าน้ำตาไหลพรากกันเป็นแถว เพราะสิ่งที่หลายคนรับรู้อย่างแจ่มแจ้งก็คือ สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยมันไม่ไหวจริง ๆ แถมมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมออกมาเป็นระลอก (บ่อนพนัน ไฟฟ้า อาชญากรรม)..หุ้นจะดีกี่โมงเจ้าคะ
ขนาดหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภค และใช้วัดกำลังซื้ออย่าง CPALL ยังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขึ้น ทั้งที่ช่วงนี้เป็นช่วงโกยเงินจากโครงการของรัฐ แต่ราคาหุ้นก็ทำได้แค่ประคองตัวยืนปิดที่ระดับ 55.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.94 พันล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันว่า นักลงทุนไม่เชื่อเรื่องโอกาสทองใช่ไหม? จึงไม่มีใครกระโจนเข้ามาไล่ราคาหุ้นแบบสุดซอยเหมือนเมื่อก่อนพะย่ะค่ะ
เหมือนกับเรื่องของหุ้นโรงไฟฟ้าที่โดนทุบค่าไฟแบบรัว ๆ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของเกมการเมืองที่กระเทือนซางกับบริษัทเหล่านั้นเต็ม ๆ และแมงเม่าก็ต้องรับกรรมแบบช่วยไม่ได้ ซึ่งหน่วยงานที่ขาเผือกมองว่า ต้องออกมาแอ่นอกรับผิดชอบกับโครงสร้างไฟฟ้าที่มันมั่วซั่วเป็นเวลานานก็คือ กกพ. เพราะเป็นคนเสนอแผนไฟฟ้าจะทำอย่างนั้น..จะทำอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ?..ชาวบ้านเขารู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว (ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ทำล่ะพ่อคุณ)..หุหุหุ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น WHA เป็นรายถัดมา เพราะกลายเป็นหุ้นที่เขาเม้าท์กันว่า ราคาหุ้นเลยจุดพีกมาแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นช่วงของการหาฐานที่มั่นคง เพราะการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในประเทศไทยน่าจะชะลอตัว ผนวกกับภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจให้ลุยหุ้นเหมือนเมื่อก่อน หุ้นเลยทำได้แค่ประคองตัวปิดที่ระดับ 4.94 บาท ลบไป 0.21 บาท หรือลงไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 929 ล้านบาทนะออเจ้า
เมาท์ถึงเรื่องประคองตัวขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ต้องหันไปมองที่หุ้น PTTGC เป็นรายถัดมา เพราะก่อนหน้านี้เหมือนจะผ่านมรสุมต่าง ๆ มาได้ แต่ช่วงนี้กลับโดนขายตะพึดตะพือ จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 21.50 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 868 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 5 ปีแบบนี้ เดี๊ยนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เสียศูนย์อย่างแรง และกลายเป็นหุ้นที่ต้องถอยห่างชั่วคราวจ้า
ส่วนหุ้นเล็กที่ออกอาการเป๋ขึ้นมาดื้อ ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MONO แบบไม่ลังเลใจ เพราะสตอรี่เกี่ยวกับการถ่ายทอดสดบอลพรีเมียร์ลีก มันไม่มีมนต์ขลังอีกแล้วกระมัง! บรรดานักเล่นถึงได้เทขายหุ้นออกเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 1.57 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 15.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194 ล้านบาทแบบนี้..คงต้องไปดูฐานเก่าที่หุ้นย่ำก่อนขึ้นบริเวณ 1.60 บาทจะเอาอยู่ไหมเจ้าคะ
สำหรับรายที่ทรุดตัวทะลุฐานเดิมบริเวณ 5.50 บาทลงมารวดเร็วอย่างหุ้น ADVICE ก็เป็นกรณีที่น่าศึกษามากพอสมควรว่า เหตุไฉนเจ้ามือปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงแรง หรือว่าผลงานไตรมาส 4 พลาดเป้าไปเยอะ จึงต้องรีบถอนตัวก่อนจะเสียหายมากไปกว่านี้ หลังหุ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีแรงรับเข้ามาพยุงเลย หุ้นถึงลงมายืนปิดที่ระดับ 5.15 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 8.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาทพะย่ะค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน