BGRIM จังหวะ “ซื้อ” หุ้นดิ่งพื้นฐานแกร่ง-ไฟทดแทนทยอย COD

BGRIM แพนิกเกินเหตุ 3 เดือน ปรับลงเกือบ 40% เหตุนักลงทุนผวาราคาก๊าซฯ แพง-ค่าไฟถูกตัวกดดันกำไร ฟากโบรกเกอร์มองพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม หลังแนวโน้มราคาก๊าซฯ ต่ำกว่าปีก่อน แถมไฟทดแทนทยอย COD อย่างต่อเนื่องตลอดปี 68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ารอบ 3 เดือน ปรับตัวลง 39% ขณะที่รอบ 1 เดือน ปรับตัวลง 24% และรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลง 15.7% ล่าสุดปิดตลาดที่ระดับ 14.50 บาท

โดยราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวลงแรงช่วงที่ผ่านมา เกิดจากความกังวลเรื่องราคาก๊าซฯ ตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และอัตราค่าไฟฟ้าที่อาจจะถูกปรับลดลงจากนโยบายภาครัฐ ทำให้ขณะนี้หุ้น BGRIM มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 1.05 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก

จากกรณีดังกล่าว นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่งมองว่าถือเป็นเวลาเหมาะสมในการเข้าสะสมหุ้น BGRIM เพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว ประกอบกับผลประกอบการดำเนินงานปี 2567 มีแนวโน้มเติบโต พร้อมปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2568 โดย BGRIM มีการคาดการณ์ราคาก๊าซฯ ปี 2568 ที่ 310-340 บาทต่อล้านบีทียู ถือว่าลดลงจากปี 2567 และเป็นไปตามการคาดการณ์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และสอดคล้องนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และจากราคาก๊าซฯ ช่วงไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ระดับ 316 บาทต่อล้านบีทียู (รวมอัตราค่าบริการค่าผ่านท่อ demand charge และ commodity charge) จึงเห็นว่าปรับลดลงชัดเจน

สำหรับปี 2568 BGRIM มีแผนลงทุนและผนึกพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเติบโตอีกหลากหลายโครงการ หนึ่งในนั้นคือจะเห็นการเติบโตของลูกค้า Data Center ที่เข้ามาอีกประมาณ 40-50 เมกะวัตต์ และช่วงระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าที่ 300-400 เมกะวัตต์ โดยมีแผนร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ในการขายไฟฟ้ารวม 200 เมกะวัตต์ และลงทุนโครงการ Data Center 40-100 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้า Data Center และลูกค้ารายใหม่ ๆ จะเป็นไปในรูปแบบ gas-linked มากขึ้น โดยปีนี้จะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จากโครงการพลังงานลมในประเทศเกาหลี KOPOS จำนวน 20 เมกะวัตต์ นอกจากนี้จะมีการทยอย COD โครงการนากาว 1 ช่วงครึ่งหลังปี 2568 โดยตั้งเป้า COD ครบ 365 เมกะวัตต์ ในปี 2569

ส่วนในประเทศไทยจะมีการ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา 18 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าอินทรี บี.กริม โซล่าร์ 83.8 เมกะวัตต์ ทำให้สัดส่วนรายได้ BGRIM มาจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และลดการพึ่งพิงราคาก๊าซฯ ได้ในอนาคต

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ จากการประชุมกับผู้บริหาร BGRIM บริษัทยังคงคำแนะนำ Trading Buy (ซื้อเก็งกำไร) แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 17.20 บาท จากเดิม 23 บาท เนื่องจากการปรับสมมติฐานค่า Ft ลงเหลือ 3.85 บาท จาก 4.18 บาท ส่งผลให้มีการปรับประมาณการกำไรปี 2568 และ 2569 ลง 18% และ 12% ตามลำดับ ทั้งนี้มองว่ากลยุทธ์ต่าง ๆ ของบริษัทจะช่วยลดความเสี่ยงจากนโยบายของภาครัฐได้

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ BGRIM แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ กลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการได้ทันที หรือภายในปี 2568 และกลยุทธ์ที่ต้องติดตามดูในระยะกลางถึงระยะยาว ประกอบด้วย 1) การเพิ่มสัดส่วนของสัญญา gas-linked หรือสัญญาที่มีการส่งผ่านต้นทุนบางส่วนไปยังลูกค้า โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนนี้จากปัจจุบันที่ 30% ของสัญญาลูกค้าทั้งหมด

2) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net D/E) จาก 1.8 เท่า ณ ไตรมาส 3/2567 ลงมาเหลือ 1.2 เท่า โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้าง รวมถึง Asset Monetization หรือการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด (เช่นการขายสินทรัพย์ให้กับ Strategic Partner (พันธมิตรเชิงกลยุทธ์) การลดภาระหนี้สินนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินสำหรับการทำ M&A ที่มีความเป็นไปได้ 2-3 ดีลในปีนี้

3) การปรับสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใช้ไฟในภาคอุตสาหกรรม (IU demand) โดยการเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มอื่น ๆ เช่น data center, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์ เป้าหมายคือการเพิ่มสัดส่วนจากกลุ่มเหล่านี้เป็น 45% ภายในปี 2573 (อิงจากคาดรายได้จากกลุ่มลูกค้า Data Center ไม่ต่ำกว่า 200 MW) จากปัจจุบันที่กลุ่มต่าง ๆ นี้ มีสัดส่วนเพียง 21% ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้ายานยนต์จะลดลงเหลือ 30% หรือต่ำกว่า (เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอลง) จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงนี้จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของรายได้ จากการลดการพึ่งพิงกลุ่มอุตสาหกรรมหลักได้

Back to top button