BAFS ผนึก “Thappline” ลุยเชื่อมท่อน้ำมันสายเหนือ “สระบุรี-อ่างทอง” ตั้งเป้าเปิดปี 69

BAFS ส่ง บ.บาฟส์ขนส่งทางท่อ (BPT) ผนึก บ.ท่อส่งปิโตรเลียมไทย (Thappline) เดินหน้าโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการในปี 69 เชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้พื้นดินภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือ ยกระดับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ


นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS พร้อมด้วย ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร BAFS และ ประธานกรรมการ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยมี ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อีกทั้ง ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และคณะผู้บริหารให้เกียรติร่วมพิธีฯ

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท บาฟส์ (BAFS Group) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้ดิน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาตรฐานการบริหารจัดการและความปลอดภัยระดับสากล มีรากฐานการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มาตลอด 33 ปี

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) พร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2568 ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569 โดยเริ่มรับน้ำมันจากคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เชื่อมต่อกับระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 บริเวณจังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันของ BPT มีระยะทางรวม 726 กิโลเมตร นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ และเป็นระบบท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในอาเซียน

ทั้งนี้ โครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 สระบุรี-อ่างทอง ถือเป็นก้าวสำคัญของ บริษัทฯ ในการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์ สอดรับกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งพลังงานของประเทศ โดยคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปาง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในด้านการเก็บสำรองน้ำมันของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นภาคตะวันออกอีก 5 โรงกลั่น ลดความเหลื่อมล้ำของราคาน้ำมันระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพมหานครรวมถึงปริมณฑล

อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งน้ำมันของประเทศ ให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ สะอาด บริสุทธิ์ และมีการสูญเสียน้ำมันจากการขนส่งน้อยที่สุด ลดต้นทุนจากการขนส่งและการจัดเก็บน้ำมัน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ อีกทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำของไทยในอนาคต

“การเดินหน้าขยายโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมัน รองรับความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท ตามพันธกิจขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ด้วยการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน และความยั่งยืน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันทางท่อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยกระดับการให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 5.2 ล้านต้น

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท บาฟส์ มุ่งมั่นและพร้อมมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในระดับประเทศต่อไป”

Back to top button