พาราสาวะถี

ไม่เพียงแต่ไม่เลิกทำเท่านั้น ทักษิณ ชินวัตร ยังพูดบนเวทีปราศรัยที่มหาสารคาม ตอกย้ำนโยบายสำคัญของรัฐบาล สิ่งที่จะทำให้กับประชาชน รวมไปถึงประเด็นก้ำกึ่งที่จะถูกกล่าวหา โจมตีครอบงำ ชี้นำ แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอีกต่างหาก เรื่องแรกคือ การไปบอกบนเวทีว่า ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะพี่ชายของ พลพัฒน์ จรัสเสถียร ผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคามว่า เจ้าตัวเกือบได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ มันทำให้เกิดแง่คิดที่นำไปสู่เสียงวิจารณ์ได้หลายด้าน 

ไม่เพียงเท่านั้น นายใหญ่ยังประกาศแบบมั่นใจอีกด้วยว่า ปี 2570 เพื่อไทยจะได้กลับมารอบสอง แพทองธารจะได้เป็นนายกฯ อีกหน พร้อมคุยฟุ้งด้วยว่าประชาชนจะเจอแบบไทยรักไทยแน่นอน เพราะเป็นพรรคที่มีผลงานมาแล้ว พูดอะไรก็ทำหมด แต่อาจจะช้าไปหน่อย เพราะไม่ได้คุมกระทรวงสำคัญทั้งหมด และระบบราชการเปลี่ยนไปเยอะ แต่ยืนยันว่าทำได้ เพียงแค่ช้าไปนิดหน่อยเท่านั้น สะท้อนภาพผู้นำทางความคิด และวางแผนการรบ หรือยุทธศาสตร์ของเพื่อไทยเสร็จสรรพ

ต้องย้ำกันอีกว่าหากไม่ดัดจริต ตอแหล ก็รู้กันอยู่แล้ว ฐานะของอุ๊งอิ๊งไม่ว่าจะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือผู้นำประเทศ เมื่อเป็นลูกสาวของอดีตนายกฯ ที่เคยประสบผลสำเร็จจากการบริหารประเทศมาแล้ว สิ่งที่ผู้เป็นพ่อไปพูดในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ย่อมแยกยากระหว่างการไปครอบงำ ชี้นำ หรือเป็นการให้คำปรึกษาหารือในฐานะพ่อกับลูก ต้องไม่ลืมว่า การกลับมารอบนี้ นายใหญ่ย้ำแล้วย้ำอีก มาเพื่อรับใช้ มาเพื่อทำงานฟื้นฟูประเทศให้ได้รับความเชื่อมั่นเหมือนในอดีต

นั่นย่อมเป็นการเข้ามาช่วยกอบกู้ความเสียหายจากน้ำมือของเผด็จการสืบทอดอำนาจที่บริหารประเทศนานนับ 10 ปี โดยมีรัฐบาลพลิกขั้วเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งเป็นภาพตัวแทนของหลายฝ่ายที่เคยขัดแย้งกัน ถูกมัดรวมเพื่อให้มาแก้ไข บางรายบางพวกอาจจะบอกว่าเป็นโอกาสที่จะได้แก้ตัวฐานะที่อยู่ร่วมขบวนการแช่แข็งบ้านเมือง เมื่อโจทย์เป็นอย่างนี้ การขยับตัวของทักษิณอาจจะมีบ้างที่หมั่นไส้ แต่ภายใต้ภาวะที่เดือดร้อนกันแสนสาหัสมาก่อน ย่อมพร้อมที่จะให้เวลาในการพิสูจน์ฝีมือ

ผิดกับอีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ปากก็บอกว่าไม่ต้องการเป็นใหญ่ ไม่มีความกระสันอยากได้ใคร่มี ล่าสุด ก็พูดเหมือนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ไม่เห็นกับพฤติกรรมที่ผ่านมา การเมืองวนลูปเดิม ไม่สร้างสรรค์ ทำลายกันเพื่อผลประโยชน์ อ้างว่าตัวเองตกเป็นเป้า ทั้งที่รู้กันอยู่แก่ใจใครกันแน่ที่เป็นพวกแพ้แล้วพาล หรืออยากเป็นใหญ่จนหน้ามืดตามัว ใช้วิธีการสกปรก โสมม ระดมพวกนักร้อง นักเคลื่อนไหวมาเป็นเครื่องมือ เพื่อหวังจะล้มรัฐบาลให้ได้ ถ้าจะหาว่าใครเป็นตัวถ่วงความเจริญ คงจะชี้นิ้วกันได้ไม่ยาก

ดูเหมือนว่าทักษิณจะมองข้ามพวกคอยขัดแข้งขัดขาไปแล้ว มุ่งเป้าไปที่สิ่งที่รัฐบาลแพทองธารต้องทำให้เกิด เพราะได้ประกาศไปแล้วว่าปีนี้เป็นปีแห่งโอกาส ดังนั้น จึงมีการพูดถึงเงินหมื่น เฟส 3 หลังจากที่แจกให้กลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีไปแล้วภายในสิ้นเดือนนี้ กลุ่มคนอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินแน่ภายในเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ หลังจากเทคโนโลยีเรียบร้อย นายใหญ่มั่นใจขนาดนี้ อีกไม่กี่อึดใจคงได้รับการยืนยันจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการได้ตามไทม์ไลน์ที่ว่าหรือไม่

ความได้เปรียบอย่างหนึ่งที่เวลาทักษิณพูด แล้วคนคล้อยตามคือการวิเคราะห์สถานการณ์ แล้วใช้สิ่งที่เคยทำในอดีตมาเป็นเครื่องช่วยยืนยัน จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อวันนี้มีการชี้ว่าปัญหาเศรษฐกิจย่ำแย่กว่าช่วงต้มยำกุ้ง ปี 2540 เพราะต้มยำกุ้งข้างบนแย่ แต่ข้างล่างยังแข็งแรง แต่วันนี้รากฐานมันทรุดมาก การซ่อมแซมยากขึ้น คนก็เชื่อว่าตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันความลำบากของผู้คนเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นไปตามที่นายใหญ่ว่าหรือไม่  

เมื่อเติมชุดความคิด จุดประกายความหวังเข้าไปว่า แม้ฐานรากจะลำบาก แย่ตามไปด้วยแต่ถือว่ายังพอได้ และมั่นใจว่าตนจะเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อไทยทำได้ พร้อมวางเงื่อนไขไว้ว่าหากได้ทำต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ยัดมือใส่กระเป๋าไม่ได้ เพราะปี 2570 จะเป็นปีที่เก็บเกี่ยวจากสิ่งที่ทำรอบนี้ นั่นย่อมทำให้คนคาดหวัง และพร้อมที่จะให้โอกาสได้ทำงาน ณ ปัจจุบันเต็มที่ ถ้าทำได้ไม่ต้องพูดถึงว่าเลือกตั้งครั้งต่อไปผลจะเป็นอย่างไร คำที่ผู้มีบารมีของพรรคแกนนำรัฐบาลย้ำ มีปัญหาเศรษฐกิจต้องเป็นเพื่อไทยมาแก้เท่านั้น คนส่วนใหญ่จึงค่อนข้างจะเชื่อไปในแนวทางนั้น

สำหรับประเด็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาถึงยุคนี้เสียงของพวกมือถือสากปากถือศีลอย่างที่ทักษิณว่าเป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้านในยุครัฐบาลไทยรักไทย คงไม่ดังพอที่จะล้มโครงการนี้ได้ แนวโน้มเสียงส่วนมากเห็นว่าสามารถทำได้ แต่ต้องดำเนินการไปอย่างรอบคอบรัดกุม ป้องกันไม่ให้เป็นการมอมเมาเยาวชน หรือคนไทยที่มีรายได้น้อย แล้วไปมัวเมากับการเสี่ยงโชคในกาสิโน ที่แม้จะเป็นส่วนน้อยแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ในแผน แต่ถือเป็นหัวใจหลักจุดสำคัญที่อ่อนไหวต่อการตั้งคำถาม และการชี้แจง  

อย่างไรก็ตาม การที่บางพวกบางฝ่ายแสดงความกังขาว่าเหตุใดพื้นที่ซึ่งจะทำจึงจำกัดอยู่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ตเท่านั้น ประเด็นนี้ง่ายต่อการอธิบายอยู่แล้ว หากจะเริ่มต้นเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติ ทั้งสี่พื้นที่ที่ว่ามาตอบโจทย์ได้ชัดเจน หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ย่อมมีโอกาสขยาย ถึงแม้จะไม่ขยับเพิ่ม แต่ก็เชื่อได้ว่าพื้นที่ใกล้เคียงน่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้ ทั้งหมดทั้งมวลคงอยู่ที่ทักษิณชี้ว่า ฝ่ายกฎหมายที่รับผิดชอบจะต้องทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ปราศจากความเคลือบแคลงทุกกรณี

การเมืองมีผู้เป็นพ่อคอยปัดเป่า วางแกนนำแถวหน้าเป็นตัวชนไว้หมดแล้ว ทำให้แพทองธารสามารถทำงานในฝ่ายบริหารเต็มที่ สัปดาห์นี้ 20-25 มกราคม พาคณะชุดใหญ่บินไปเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 งานนี้แม้จะเป็นรูทีนตามรอบปกติ แต่ก็ถือเป็นโอกาสแสดงฝีมือของนายกฯ หญิงจากไทยแลนด์ ที่จะนำเสนอโอกาสและศักยภาพของประเทศไทย ให้กับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ด้วยเป้าหมายขยายการค้าและดึงดูดการลงทุนเข้ามาให้มากขึ้น เหมือนที่ เศรษฐา ทวีสิน เคยทำไว้ก่อนหน้า

อรชุน