กองทุนมองหุ้นสหรัฐฯ

ปลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด จัดงานสัมมนา The Year of Snake, Investment Forum by Beyond Securities @ Beyond Securities


ปลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด จัดงานสัมมนา The Year of Snake, Investment Forum by Beyond Securities @ Beyond Securities ด้วยการเชิญผู้จัดการกองทุน จาก 3 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) คือ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย), บลจ.กรุงศรี, บลจ.อีสท์สปริง และผู้บริหารของ บล.บียอนด์ มาร่วมให้ข้อมูล

เริ่มจากมีการมองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2567 ได้ทำจุดนิวไฮไปทั้งหมด 51 ครั้ง

และมาถึงช่วงปัจจุบัน (ณ วันที่ 16 ม.ค. 2568) (ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ) เหลืออีกไม่ถึง 3% จะทำนิวไฮได้อีกเช่นกัน

การทำจุดสูงสุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นมาตลอดทศวรรษจากเศษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะล่าสุดผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม Banking and Finance ออกมาดีมาก

มีการระบุอีกว่าเข้าสะสมในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ วิธีการเข้านั้น อาจจะเข้าสะสมเมื่อดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมาทุก ๆ 5% จากจุดที่ทำนิวไฮ ซึ่งจะสังเกตได้จากล่าสุดร่วงลงมาจากนิวไฮพอดีประมาณ -5%

หรืออาจจะเก็บสะสมเมื่อตลาดร่วงลงมา -10%

หรือ Bear Market -20%

ทว่าการจะรอให้ลงขนาดนั้น “คงเป็นไปได้ยาก”

ผู้จัดการกองทุนของ บลจ.อีสทสปริง ได้กล่าวถึงการสนับสนุนการเติบโตในสหรัฐฯ ES-USBLUECHIP

ส่วน บลจ.กรุงศรี ได้สนับสนุน KFGPROP หรือ Global Property เพราะเชื่อว่าดอกเบี้ยน่าจะย่อและเศรษฐกิจจะไม่ Recession ส่วน บลจ.ยูโอบีฯ แนะนำ กองทุนที่เข้าลงทุนในสหรัฐฯ

จะสังเกตได้ว่า ทั้ง 3 บลจ. นั้นต่างสนับสนุนไปในทางที่ว่า “เศรษฐกิจจะไม่เกิดถดถอย”

ขณะเดียวกันน่าจะมีการ “ลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1-2 ครั้ง”

ส่วนภาพรวมตลาด (หุ้น) ยังไปได้อยู่ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้ร้อนแรงเหมือนปี 2567 แต่จะมีความเห็นจาก บลจ.อีสท์สปริง ที่บอกว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเป็น “กระทิง” เพราะเชื่อว่า จะมีโอกาสทำนิวไฮได้อีก และถือเป็นเรื่องปกติ

อีสท์สปริงฯ ยังมองว่า ฐานการผลิต ต่าง ๆ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นสาบานตน (20 มกราคม 2568) นั้น น่าจะย้ายมาทางเวียดนาม, อินเดีย และ อินโดนีเซียมากขึ้น

นั่นเพราะย้อนไปเมื่อทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง มีผู้นำประเทศ โทรมาแสดงความยินดีกับทรัมป์หลายประเทศ

และทรัมป์ไม่ได้รับสายใครยกเว้น Narendra Modi นายกรัฐมนตรีของอินเดีย

และนั่นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดี

ขณะที่ ตลาดหุ้นอินเดียนั้น อีสท์สปริง มองว่ามีความคล้ายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตรงที่ “ไม่ได้ถูก” แต่ทำนิวไฮต่อเนื่องมาโดยตลอด ขณะที่เดือนในเดือนก.พ. 2568 จะมีการประชุม ธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งคาดการณ์ว่า จะลดดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นได้ดี

ด้านผู้จัดการกองทุน บลจ.กรุงศรี มองว่าหากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวแตะ 5% และไม่เกิด Recession

กลุ่ม Global Reits ที่ Underperform ตลอดโดยเฉพาะใน S&P500 Sector ในรอบ 5 ปี จะมีความน่าสนใจ

โดยปัจจุบันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yield) อยู่ประมาณ 4.8%

และมีโอกาสที่จะทะลุ 5% ขึ้นนั้นมีโอกาสน้อย เพราะเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงลดดอกเบี้ย แต่จะลดไม่เยอะหรือ จำนวนครั้งคงไม่เกิน 1-2%

เพราะหากปรับลดเยอะและถี่นั้นอาจส่งสัญญาณ Recession กับตลาดได้

ส่วน บลจ.ยูโอบีฯ แนะนำด้วยการให้มองเป็นไตรมาส มากกว่าที่จะมองลงทุนเป็นปี เหตุผลเพราะแต่ละไตรมาส ภาพการลงทุนในปี 2568 อาจเปลี่ยนไปได้

และให้เน้นกระจายการลงทุน ไปเพื่อลดความเสี่ยง

โดยยังคงเน้นไปที่สหรัฐฯ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button