ฝุ่นหนาตึ้บ! PM 2.5 กทม. ทะลุโซนแดง โรงเรียนปิดแล้ว 103 แห่ง

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ เลวร้าย ทะลุโซนสีแดง ค่าเฉลี่ยวันนี้ 62.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ปิดโรงเรียนในสังกัด กทม. เพิ่มเป็น 103 แห่งแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ ค่าฝุ่น PM 2.5 ณ เวลา 7.00 น. วันนี้ (22 ม.ค.68) อยู่ในระดับสีส้ม 45 เขต และสีแดง 5 เขต โดยค่าสูงสุดอยู่ที่ 86.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ในพื้นที่เขตหนองแขม และค่าเฉลี่ยของกทม. อยู่ที่ 62.6 มคก./ลบ.ม.

ล่าสุด โรงเรียนสังกัด กทม. ได้มีประกาศคำสั่ง “ปิดโรงเรียน” เนื่องจากสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน คุณภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพิ่มเติมเป็นจำนวน 103 โรงเรียน จาก 437 โรงเรียน โดยรวมปิดการเรียนการสอน Onsite ทั้งสัปดาห์นี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงเหตุผลในการให้อำนาจแก่ผู้อำนวยการสถานศึกษาในการใช้ดุลยพินิจปิดโรงเรียนตามสถานการณ์ฝุ่นและเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของนักเรียนว่า เนื่องจากไม่อยากผลักภาระให้กับผู้ปกครองและคิดว่าโรงเรียนยังเป็นที่ปลอดภัยอยู่ ยกเว้นบางเขตที่มีค่าฝุ่นสูง อย่างไรก็ตาม กทม.ดูแลโรงเรียนสังกัด กทม. เป็นหลัก ไม่ได้มีอำนาจหรือควบคุมไปถึงโรงเรียนของ สพฐ. หรือเอกชน

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ค่าฝุ่นสีแดงเป็นช่วง ๆ ผู้อำนวยการสถานศึกษามีอำนาจสั่งปิดโรงเรียน ครั้งละไม่เกิน 3 วัน ผู้อำนวยการเขตมีอำนาจสั่งปิด ครั้งละไม่เกิน 7 วัน หากสถานการณ์ค่าฝุ่นสีแดงต่อเนื่องติดต่อกันมากกว่า 3 วัน จำนวน 5 เขต ผู้อำนวยการสำนักการศึกษามีอำนาจสั่งปิด ครั้งละไม่เกิน 15 วัน และหากสถานการณ์ค่าฝุ่นสีแดงต่อเนื่องติดต่อกันมากกว่า 3 วัน มากกว่า 5 เขตขึ้นไป ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจสั่งปิดโรงเรียนไม่จำกัดระยะเวลา ปัจจุบันมี “เขตหนองแขม” เพียงเขตเดียว ที่มีค่าฝุ่นสีแดงติดต่อกัน 3 วัน (วันที่ 20-22 ม.ค.68) ซึ่งผู้อำนวยการสถานศึกษาได้สั่งปิดเป็นเวลา 3 วัน (20-22 ม.ค.68) และผู้อำนวยการเขตได้สั่งปิดต่ออีก 2 วัน (23-24 ม.ค.68)

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงนามในประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 ม.ค.68 ห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด เนื่องจากค่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง มีค่าเกินมาตรฐานในระดับสีแดง หรือมากกว่า 75 มคก.ลบ. ไม่น้อยกว่า 5 เขตในพื้นที่ กทม. มีลักษณะอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างร้ายแรง

  • นักวิชาการ เปรียบ ผู้ว่ากรุงโซล vs ผู้ว่ากรุงเทพ ในวันที่ฝุ่น PM 2.5 รุนแรง

ด้าน ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “ผู้ว่ากรุงโซล กับ ผู้ว่ากรุงเทพ ในวันที่ฝุ่น PM2.5 รุนแรง” โดยระบุว่า

  1. ประเทศเกาหลีใต้ประสบกับฝุ่นPM 2.5 อย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาวเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยรัฐบาลได้ประกาศให้ฝุ่น PM2.5ที่ เกินค่ามาตรฐานจนถึงระดับที่มีผลต่อสุขภาพ หรือ “Unhealthy” เป็นภัยพิบัติทางสังคม(Social disaster)ที่ต้องจัดการแก้ไขทันที โดยกำหนดแผนเร่งด่วนในแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปี 2022 และยังให้มีการใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เรียกว่า “Comprehensive Plan on Fine dust Management” โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น commander สามารถสั่งการลดแหล่งกำเนิดมลพิษในเมืองได้เบ็ดเสร็จ และยังสามารถยกเลิกมาตรการดังกล่าวได้เมื่อภัยพิบัติหมดไป
  2. ในวันที่คาดว่าคุณภาพอากาศในกรุงโซล จะมีค่าเกินค่ามาตรฐานในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือ Unhealthy โดยตามแผนผู้ว่าการกรุงโซลมีอำนาจประกาศให้ประชาชนสามารถใช้ระบบขนส่งมวลได้ฟรี เช่น รถไฟฟ้าใต้ดินและบนดิน รถขนส่งสาธารณะ รถไฟ เป็นต้น ในช่วงเวลาเร่งด่วนตั้งแต่ 05.00 น.-09.00 น. และ ช่วงเวลา18.00-21.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนไม่ต้องนำรถยนต์ออกมาวิ่งบนถนนในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งสั่งลดกำลังการผลิตของโรงงานที่ใช้ฟอสซิ่ลเป็นเชื้อเพลิง, ตั้งเขตห้ามนำรถยนต์ดีเซลเก่าวิ่งเข้าเมืองตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ถึงเดือน ก.พ.,ให้เปลี่ยนรถบัสโดยสารในเมืองต้องเป็นรถยนต์ EV ทั้งหมด, สั่งห้ามเผาในที่โล่ง เป็นต้น

ดร.สนธิ ระบุอีกว่า ทั้งนี้เกาหลีใต้สามารถพยากรณ์คุณภาพอากาศและคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำอย่างน้อย 5 วัน โดยผู้ว่าการกรุงโซลจะประกาศให้ประชาชนทราบและเสนอมาตรการดังกล่าวออกไป

นอกจากนี้ ผู้ว่ากรุงโซลทุกสมัยจะต้องมีนโยบายดังกล่าวอย่างชัดเจน ยึดหลัก “คุณภาพชีวิตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าเงินตราที่เสียไป (The value of human beings is far greater than that of money)” ถึงแม้จะเสียรายได้มหาศาลก็ไม่เป็นไรแต่มูลค่าสุขภาพอนามัยของประชาชนต้องมาก่อน

  1. ปี 2022 เกาหลีใต้ได้จัดการแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศให้ลดลงได้อย่างมาก เช่น ใช้รถเครื่องยนต์และน้ำมันEuro6, เริ่มใช้รถยนต์EV, ยกเลิกสถานประกอบการและโรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง, เพิ่มสวนสาธารณะโดยมีขนาดของพื้นที่สีเขียวเป็นอันดับ 7 ของโลก คิดเป็น 27.8% ของพื้นที่กรุงโซล และมีสวนสาธารณะขนาดต่าง ๆ มากกว่า 2,200 แห่ง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ก็ยังประสบกับฝุ่นละอองที่พัดข้ามแดนจากประเทศจีนในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่ฝุ่นPM2.5 ในกรุงโซล ในปี2024 ลดลงถึง 75% สภาพอากาศดีเยี่ยมถึงปานกลาง
  2. สำหรับประเทศไทยเจ้าภาพจัดการฝุ่นละออง มีหลายหน่วยงานตามแผนปฎิบัติการของชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเพียงใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุข เรื่องเหตุรำคาญและ พ.ร.บ.โยธาและผังเมือง เรื่องการก่อสร้างและปลูกต้นไม้ และพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเท่านั้น ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า ภัยจากฝุ่น PM2.5 ถือเป็นภัยพิบัติหรือไม่ ที่เหลือเป็นอำนาจของหน่วยงานอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการฝุ่น PM2.5 ได้เหมือนประเทศเกาหลีใต้

Back to top button