“เอสแอนด์พี” เฝ้าระวังเครดิต “TOP” จับตา “ปตท.” สนับสนุนการเงิน

“เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์” เตือนอาจลดอันดับเครดิต “TOP” จากระดับ BBB หากสถานะการเงินอ่อนแอ-ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก “ปตท.” อย่างทันท่วงที


เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) เปิดเผยในวันนี้(22 ม.ค.68) ว่า จากกรณี S&P ได้ประกาศตั้งสถานะการติดตามเครดิตของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ไปเป็นเชิงลบ (Negative Credit Watch) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากความล่าช้าของโครงการพลังงานสะอาด (CFP)

อย่างไรก็ตาม ทาง S&P ได้เปิดเผยแนวทางในการพิจารณาปรับสถานะการติดตามเครดิตกลับสู่ระดับปกติ ซึ่งจะพิจารณาจากความคืบหน้าในการเปิดเผยแผนดำเนินการโครงการ CFP และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“เอสแอนด์พี” ระบุอีกว่า กำลังประเมินขอบเขตของการสนับสนุนที่กลุ่ม TOP อาจได้รับจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เนื่องจากความล่าช้าของการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ CFP และปัญหาค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้หนี้สินของบริษัทสูงกว่า 3 เท่าของนโยบายการเงินที่กลุ่ม ปตท. ได้กำหนดไว้

อีกทั้งการปรับไทม์ไลน์ของการเริ่ม COD ไปเป็นไตรมาส 3 ปี 2571 ถือเป็นกรณีที่ไม่พบได้บ่อยสำหรับบริษัทย่อยที่ได้รับการประเมินว่าเป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์การดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับดังกล่าวเน้นย้ำว่า ณ ปัจจุบันยังไม่เห็นการสนับสนุนที่ชัดเจนจากบริษัทแม่อย่าง ปตท. ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นอกจากนี้คาดว่าอันดับเครดิตของ TOP (โดยไม่คำนึงถึงบริษัทในเครือ) จะยังคงอ่อนแอ โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA จะสูงกว่า 6 เท่าไปจนถึงอย่างน้อยวันเริ่ม COD ของโครงการ CFP ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการใช้จ่ายเกินงบประมาณและการขาดรายได้จากโครงการนี้

เอสแอนด์พี กล่าวเพิ่มเติมว่า การตั้งสถานะเป็น Negative Credit Watch สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่อันดับเครดิตของTOPอาจถูกลดลงหนึ่งระดับ (จากปัจจุบันที่ระดับ BBB) หากความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณทำให้สถานะการเงินของTOPอ่อนแอลงต่อเนื่องโดยไม่มีการสนับสนุนจากบริษัทในกลุ่มอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ “เอสแอนด์พี” ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ของการลดอันดับเครดิตลงมากกว่าหนึ่งระดับออกไป

อย่างไรก็ตามเอสแอนด์พียังได้เผยแนวทางในการปลดสถานะ Negative Credit Watch ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วง 90 วันแรก หรือครึ่งปีแรก 2568 เมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการแก้ไขปัญหาของ TOP ในโครงการ CFP ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่จะใช้ประเมินผลกระทบที่แท้จริงจากสถานะทางการเงินของ TOP และสิ่งสำคัญคือ เอสแอนด์พี ยังจะพิจารณาขอบเขตของการสนับสนุนจาก ปตท. ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยอ้างถึงเหตุการณ์สำคัญในปี 2565 ที่ ปตท. ในฐานะบริษัทแม่ได้ให้การสนับสนุนTOPตลอดกระบวนการทำธุรกรรมกับ PT Chandra Asri Petrochemical Tbk.

Back to top button