CGSI ชี้กรอบ SET วันนี้ 1,350-1,370 จุด แนะติดตามตัวเลข “การค้าไทย” เดือน ธ.ค.
CGSI มอง SET วันนี้เคลื่อนไหวบริเวณ 1,350-1,370 จุด แนะนักลงทุนติดตามรายงานตัวเลข “การค้าไทย” ประจำเดือนธ.ค. วันนี้ พร้อมชูหุ้นเด่น ITC-BBL
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (16 ม.ค.68) คาดการณ์ว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,350-1,370 จุด โดยอาจเผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมแผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน รวมถึงยุโรป (EU) ต่อจาก แคนาดา และ เม็กซิโก
สำหรับปัจจัยภายในประเทศติดตามรายงานตัวเลขการค้าไทยเดือน ธ.ค. วันนี้ ที่ตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขส่งออกจะเติบโต 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับตัวเลข เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 8.2% ส่วนตัวเลขนำเข้าความการณ์เติบโต เติบโต15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.9% และขาดดุลการค้า 210 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ขาดดุล อยู่ที่ 224 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าตัวเลขส่งออกไทยปี 68 จะเติบโตที่ 1.7% เนื่องจากเราเชื่อว่าการเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐ ทำให้ไทยเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ ซึ่งจากการวิเคราะห์ของเรา การลดลงของมูลค่าการค้าทุกๆ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ของเราลดลง 0.3%
นอกจากนี้ การส่งออกของไทยอาจเผชิญกับความท้าทายจากมาตรการ Global Minimum Tax, ความเสี่ยงที่การลงทุนใน AI จะชะลอตัวและตลาด EV ของ EU/US ที่อ่อนตัวต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
โดยวันนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์หุ้นแนะนำ คือ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ซึ่งแนะนำเก็งกำไรก่อนการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. หลัง กระทรวงพาณิชย์ รายงานมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในเดือนพ.ย. เติบโต 18.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 11 เดือน ปี 67 เติบโต 24.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(Take profit : 18.0 / Stop loss : 16.6)
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL คาดการณ์มีอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการปรับชั้นหนี้จาก Stage 3 (non-performing) เป็น Stage 2 (under-performing) เนื่องจากลูกค้าของ BBL สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่หลังปรับโครงสร้างหนี้ โดย BBL เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของฝ่ายนักวิเคราะห์สำหรับกลุ่มธนาคาร เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยน้อยที่สุด อยู่ที่ 12% ของยอดสินเชื่อรวมในไตรมาส 4/67
(Take profit : 159.0 / Stop loss : 153.5)