ดักเก็บ MALEE-COCOCO รับยอดส่งออกน้ำมะพร้าวปี 67 “จีน” โต 75% นิวไฮ 4 เดือน

โบรกแนะเก็บ MALEE-COCOCO รับยอดส่งออกน้ำมะพร้าว ปี 257 ใน “จีน” โตทะลัก 75% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน นิวไฮรอบ 4 เดือน


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าวันนี้(23 ม.ค.68) ว่า กระทรวงพาณิชย์ รายงานยอดส่งออก เดือน ธ.ค.2567 เป็นบวกเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยขยายตัว โต 8.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าที่ตลาดคาด โต 7.4% และเฉลี่ยทั้งปี 2567 ส่งออกโต 5.4%

โดยสินค้าโตดี คือ น้ำมะพร้าว, ยาง, ไก่ , อาหารทะเล, อาหารสัตว์ และเด่นสุด คือ ยอดส่งออกน้ำมะพร้าว โดยเฉพาะใน จีน เติบโต 75% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 4 เดือน, ขณะที่สหรัฐโต 107% ช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในปี 2567 และส่งออกไปเกาหลีใต้ เติบโต 48% ข่วงเดียวกันของปีก่อน สูงที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยมองบวกต่อ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO

อนึ่งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยวันนี้ว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนธ.ค.67 ว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.67 มีมูลค่า 24,765 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.7% จากตลาดคาดโต 7.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 24,776.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.9% ส่งผลให้เดือนธ.ค. ไทยขาดดุลการค้า 10.6 ล้านดอลลาร์

สำหรับภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 67 นั้น การส่งออกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 300,529 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวได้ 5.4% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่การนำเข้าทั้งปี 67 มีมูลค่า 306,809 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในปี 67 ไทยยังขาดดุลการค้า 6,280 ล้านดอลลาร์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนธ.ค.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าทุน และวัตถุดิบของไทยในทุกหมวด และยังขยายตัวเกือบทุกตลาดส่งออกสำคัญ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าโลกในระยะข้างหน้า

“ภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2567 ทำมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการส่งออกในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พุ่งทะยานสู่ระดับ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับการส่งออกในรูปของเงินบาท ก็มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน”

-สินค้าเกษตร ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 มีมูลค่า 2,072.7 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 10.7% โดยสินค้าเกษตรที่ขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขณะที่ทั้งปี 67 สินค้าเกษตร มีมูลค่าส่งออก 28,827.3 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 7.5%

-สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 มีมูลค่า 1,721.3 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 6.7% โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ที่ขยายตัวดี ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ และอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่ทั้งปี 67 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าส่งออก 23,357.7 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.1%

-สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 มีมูลค่า 20,227.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.1% โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวดี ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำไม่ขึ้นรูป), เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง และเคมีภัณฑ์ ขณะที่ทั้งปี 67 สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่าส่งออก 237,461.1 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.9%

โดยตลาดส่งออกของไทยในเดือนธ.ค.67 ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เอเชียใต้ ขยายตัว 44.5% อันดับ 2 สหราชอาณาจักร ขยายตัว 37.4% อันดับ 3 กลุ่ม CIS ขยายตัว 37% อันดับ 4  แคนาดา ขยายตัว 22.9% อันดับ 5 CLMV ขยายตัว 20.7% อันดับ 6 สหภาพยุโรป ขยายตัว 19.1% อันดับ 7 สหรัฐ ขยายตัว 17.5% อันดับ 8 จีน ขยายตัว 15% อันดับ 9 ลาตินอเมริกา ขยายตัว 12.3% และอันดับ 10 ตะวันออกกลาง ขยายตัว 11.3%

นายพูนพงษ์ คาดว่า การส่งออกในเดือนม.ค.68 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ขณะที่การส่งออกทั้งปี 68 นี้ กระทรวงพาณิชย์ประเมินเป้าหมายหมายว่าจะขยายตัวได้ที่ 2-3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงในระดับปัจจุบัน แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น และการเร่งส่งเสริมการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเชื่อมโยงกับสินค้าส่งออก เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้เป็นที่จดจำในระดับโลก

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยท้าทายจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งกระทบกับบรรยากาศการค้าโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อยาวนาน และความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะติดตามสถานการณ์ และวางแผนเตรียมความพร้อมร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การค้าไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับนโยบายการค้า ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างมาก โดยสั่งการให้ทุกกรมที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในเดือนก.พ. รมว.พาณิชย์ เตรียมแผนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา โดยประเด็นหลักๆ คือไปเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย

“ในส่วนของ สนค.เอง ก็ติดตามข้อมูลมาตลอด ตอนนี้ยังรอดู เพราะทรัมป์ เพิ่งรับตำแหน่งได้ 2-3 วัน นโยบายยังทยอยออกมาเรื่อย ๆ เชื่อว่าจะมีทั้งผลกระทบด้านบวก และลบต่อไทย รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน”

Back to top button