SCC เซ็นยักษ์ใหญ่มะกัน “Enterprise” ป้อนก๊าซอีเทน 1 ล้านตัน โครงการ “LSPE” 15 ปี

SCC ลงนาม Enterprise ยักใหญ่พลังงานมะกัน จัดหาก๊าซอีเทนให้โครงการ LSPE 1 ล้านตันต่อปี สัญญา 15 ปี พ่วงลงนาม MOL เรือขนส่งก๊าซชั้นนำโลกรอบแรกจำนวน 3 ลำ สัญญา 15 ปี ส่วนโครงการก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบ คาดแล้วเสร็จปลายปี 2570


นายธรรมศกัดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่ SCC ได้รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาในเรื่องโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน Long Son Petrochemicals Company Limited ประเทศเวียดนาม (หรือ LSPE) ซึ่งเป็นโครงการของบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC (บริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด) นั้นทาง SCC ขอแจ้งความคืบหน้าที่สำคัญของโครงการ LSPE ดังนี้

1.สัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทน เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 SCGC และ Enterprise Products PartnersL.P. (หรือ Enterprise) ซึ่งเป็นผู้จัดหาก๊าซอีเทนชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามสัญญาระยะยาวในการจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนและใช้ท่าเรือต้นทางผ่านบริษัทย่อยของ SCGC และ Enterprise ภายใต้สัญญาดังกล่าว Enterprise จะจัดหาก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกา โดยส่งมอบที่ท่าเรือต้นทางหรือ Free On Board(FOB) สำหรับโครงการ LSPE ประมาณ 1 ล้านตันต่อปีตลอดระยะเวลาสัญญา 15 ปี

2.เรือขนส่ง เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 SCGC และ Mitsui O.S.K. Lines, Ltd. (หรือ MOL) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวชั้นนำของโลก ได้ลงนามในสัญญาระยะยาวสำหรับเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (Very Large Ethane Carriers (VLECs)) รอบแรกจำนวน 3 ลำ ผ่านบริษัทย่อยของ SCGC และ MOL เพื่อขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนาม สำหรับโครงการ LSPE ภายใต้สัญญาดังกล่าว กลุ่มบริษัท MOL จะให้บริการขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนามตลอดระยะเวลาสัญญา 15 ปี ทั้งนี้สัญญาเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทนในส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ

3.ถังเก็บวัตถุดิบ โดยการสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทนอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งถังเก็บวัตถุดิบดังกล่าวถูกออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเก็บวัตถุดิบอีเทนที่สภาวะอุณหภูมิต่ำประมาณ -90 องศาเซลเซียส โครงการ LSPE จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลงและความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบที่มากขึ้นของโรงงาน LSP อีกทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ในเบื้องต้น LSP จะพิจารณาใช้แหล่งเงินทุนภายใน SCC และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2570

อนึ่ง Enterprise Products Partners L.P. เป็นหนึ่งในห้างหุ้นส่วนจำกัดการค้าสาธารณะ (Publicly Traded Partnerships) ที่ใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ให้บริการจัดหาเชื้อเพลิงพลังงานชั้นนำในภูมิภาคอเมริกาเหนือสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภคก๊าซธรรมชาติก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGLs) น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยส่งออกผลิตภัณฑ์ไฮโดรคาร์บอนเหลวมากกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567 (ณ วันที่ 30 กันยายน) โดยรายละเอียดของ Enterprise สามารถดูได้ที่ www.enterpriseproducts.com

ส่วน Mitsui O.S.K. Lines, Ltd. เป็นบริษัทขนส่งชั้นนำที่มีการดำเนินงานระดับโลกด้วยเรือประมาณ 900 ลำ และ MOL ได้พัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่ การขนส่งทางทะเล เทคโนโลยีและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บริการเรือของ MOL ประกอบด้วยเรือบรรทุกสินค้าแห้ง เรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เรือบรรทุกยานยนต์ และเรือบรรทุกน้ำมัน

นอกจากธุรกิจขนส่งแบบดั้งเดิมแล้ว MOL ยังให้บริการทางธุรกิจด้านความเป็นอยู่และไลฟ์ สไตล์ เช่น อสังหาริมทรัพย์ การด าเนินงานท่าเรือ และบริการเรือเฟอร์รี่รวมถึงธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โลจิสติกส์และพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOL สามารถดูได้ที่ https://www.mol.co.jp/en

Back to top button