ข่าวร้ายมาเยือน

กลายเป็นเรื่องเม้าท์สนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง เมื่อตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับมรสุมลูกใหม่ที่เล่นงานเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ


กลายเป็นเรื่องเมาท์สนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง เมื่อตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับมรสุมลูกใหม่ที่เล่นงานเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เริ่มไม่มั่นใจว่า หุ้นไทยจะดีดตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,400 จุดในไม่ช้า เพราะชุดข้อมูลล่าสุดที่แมงลือเม้าท์กันสนุกสนาน มันเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ “โรงพยาบาล” กับ “ชิป” ไงล่ะตัวเอง

เนื่องจากมีเสียงร่ำลือว่า ประเทศคูเวตได้มีการออกประกาศคำสั่งแบนประเทศไทย หลังสืบทราบการเรียเก็บเงินค่านายหน้าในการเข้ามารักษาที่ประเทศไทย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยจากประเทศดังกล่าวยกเลิกเที่ยวบินเพื่อมารักษาตัว พร้อมกับมีกระแสข่าวลือหนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางเริ่มมีแนวคิดแบนไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลมาก ๆ เพราะเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจจะหายไปมหาศาลน่ะซี

ส่วนประเด็นถัดมาเป็นเรื่องที่ประเทศจีนได้ทำการเปิดตัว “DeepSeek AI” แบบอลังการงานสร้างสุดๆ แต่ใช้เงินในการพัฒนาไม่เกิน 190 ล้านบาท ขณะที่ ChatGPT มีต้นทุนในการพัฒนาสูงถึง 1.68 แสนล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจชิปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสิ่งที่ทั่วโลกกำลังตกตะลึงในตอนนี้คือ จีนชนะขาดด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า แถมเป็น Open Source แจกฟรีเสียด้วย..เจ๊งเป็นแถบก็อีคราวนี้แหละ!

เมื่อตลาดหุ้นถูกรายล้อมด้วยข่าวร้าย และการมาของ “ทรัมป์” ก็ก่อให้เกิดความวิตกกังวลหลายอย่าง ผนวกกับตลาดหุ้นไทยมีความเปราะบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,340.94 จุด ลบไป 13.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.06 หมื่นล้านบาทแบบไร้แรงสู้ และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า นี่เป็นการลงแรงแบบไม่มีวอลุ่ม ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนถึงนักเล่นกลุ่มต่าง ๆ ไม่มีใครอยากเข้ามารับหุ้น จึงปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงแรงไงล่ะคะ

โดยเฉพาะในรายของหุ้น DELTA ที่ไหลลงมาแรงแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 138 บาท ลบไป 9 บาท หรือลงไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.91 พันล้านบาท คือภาพที่สะท้อนถึงความกังวลต่อการมาของเอไอจีน ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการปั๊มรายได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ทุกคนต้องชิ่งหนีอย่างเร่งด่วน เพราะทั่วโลกไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลอีกต่อไป..แล้วชิปที่ผลิตออกมาจะขายใครล่ะคะ

เหมือนกับการทรุดหนักของหุ้นโรงพยาบาล BH ก็มาจากเรื่องความกังวลค่านายหน้าคนป่วยจากประเทศคูเวต กำลังทำให้โรงพยาบาลเสียรายได้ในส่วนนี้เป็นจำนวนมหาศาล นักลงทุนสถาบันถึงกระหน่ำขายตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 176.50 บาท ลบไป 9.50 บาท หรือลงไป 5.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.07 พันล้านบาท เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า เรื่องไม่จบแค่นี้ เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปจริง ๆ ว่า เสียหายเท่าไหร่พะย่ะค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PR9 เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหุ้นอีกตัวที่ “โมนิก้า” เคยเม้าท์ให้ฟังถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนหน้า และในวันนี้ก็ได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการว่า นี่เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากประเทศคูเวตแบนโรงพยาบาลไทย แถมยังกังวลประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลางจะแบนตามแบบนี้ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 23.10 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243 ล้านบาท ไม่ใช่โลว์เที่ยวนี้จ้า!

ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” กังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ คงมองไปที่หุ้น LH แบบไม่ลังเลใจ เพราะก่อนหน้านี้คิดว่า ลงมากแล้ว! แต่วานนี้ราคาหุ้นกลับม้วนตัวลงมาปิดโลว์ของวันที่ระดับ 4.62 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 305 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 9 เท่าแบบนี้ เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักเล่นรู้ว่า งบไตรมาส 4 ปี 67 คงแย่กว่าที่ประเมินไว้ บรรดานกรู้ถึงบินหนีกันเป็นพรวน..อิอิอิ

เมาท์ถึงเรื่องเศรษฐกิจขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นปั๊มน้ำมัน OR เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหุ้นที่ตกอยู่ในสภาพขาลงแรมปี จนมองไม่เห็นจุดเด้งกลับอยู่ตรงไหน? ก็เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงโดยตรงกับยอดขายน้ำมันที่ลดลง รวมทั้งมีคำถามเกิดขึ้นในใจนักเล่นว่า นอนออยล์จะช่วยดันกำไรให้โตกี่โมง? หุ้นเลยยืนเหงา ๆ อยู่ที่ 11.50 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71 ล้านบาทแบบบัวแล้งน้ำไงล่ะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button