CGSI มอง SET ผันผวน นลท. จับตานโยบายทรัมป์คืนนี้ แนะลงทุน 2 หุ้นเด่น DELTA-TTB

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ประเมิน SET Index แกว่งผผันผวนในบริเวณกรอบ 1,330-1,360 จุด แนะนักลงทุนจับตานโนบายโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงผลการประชุมของ FOMC คืนนี้ แนะเก็งกำไร DELTA-TTB


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ม.ค. 68) ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิด 44,850.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.31%, Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.03% และ S&P500 เพิ่มขึ้น 0.92% ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่ม Technology ที่เกี่ยวข้องกับ AI รวมถึง NVIDIA หลังจากถูกเทขายอย่างหนักเมื่อวาน จากการเปิดตัว Generative AI สัญชาติจีนอย่าง Deepseek

Dollar Index ปิดบวกที่ 107.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.49% แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก นักลงทุนจับตานโยบายของ Donald Trump รวมถึงผลการประชุมและถ้อยแถลงของ FOMC คืนนี้

ด้านตลาดน้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกที่ 73.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (+0.82%) หลังจากการแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ โดยนักลงทุนจับตาผลกระทบจากการที่ Donald Trump ผู้นำสหรัฐฯ วางแผนใช้กำแพงภาษีต่อแคนาดา และเม็กซิโก 25% วันเสาร์นี้

ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนในกรอบ 1,330-1,360 จุด ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำจับตาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน AI infrastructure หรืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA อาจมี Technical rebound ตามทิศทางหุ้นกลุ่ม Technology สหรัฐเมื่อคืน

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ trading กลุ่ม Banks หลังจากการประกาศซื้อหุ้นคืนจาก TTB โดยเชื่อว่า KTB และ KBANK จะเพิ่มเงินปันผลในปี 2025 จากการบริหารเงินที่มีอยู่ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สินเชื่อชะลอตัว

ทั้งนี้เชื่อว่าการมาของ Generative AI สัญชาติจีน อย่าง “Deep Seek” จะทำให้นักลงทุนจับตาผลประกอบการ และ Guidance ค่าใช้จ่าย AI infrastructure ของกลุ่ม Magnificent 7 อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจจับตา 1) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (พรุ่งนี้เวลา 2.00 am.) อ้างอิง Fed Watch tool จาก CME Group ตลาดให้น้ำหนัก 97.5% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.5% ในขณะที่คาดว่าจะมีการลดครั้งต่อไปเดือน มิ.ถ. ลงมาอยู่ที่ 4.25% โดยให้น้ำหนักที่ 45.2% 2) ผลประกอบการ Real Sector (SCC วันนี้, PTTEP พรุ่งนี้) และกลุ่ม Magnificent Seven (Meta, Microsoft, Tesla วันนี้ และ Apple พรุ่งนี้)

สำหรับหุ้นในประเทศที่ปรับลดลงแรงเมื่อวานประกอบด้วย 1) SCGP หลังเตรียมเพิ่มทุนใน Fajar จำนวน 1,000 ล้านหุ้น (เพิ่มขึ้น 40.3%) โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อชำระหนี้และลด Net D/E ให้เหลือ 1:1 เท่า (vs. 2.06 เท่าในไตรมาส 3/2567 , 0.8 เท่าใน 2562) โดยเราคาดว่าต้องใช้เงินราว 8.7 พันล้านบาท SCGP ระบุว่ามีผู้สนใจที่อาจเข้าร่วมการเพิ่มทุนครั้งนี้รวมถึงบริษัท FMCG บางแห่งในอินโดนีเซีย และระบุเพิ่มเติมว่าพร้อมที่จะอัดฉีดเงินลงทุน ในกรณีที่ไม่มีนักลงทุนเข้ามา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาหุ้น

2) OSP โดยใน ปี 2568 จะเป็นปีที่สำคัญ เนื่องจาก M-150 เผชิญแรงกดดัน กำลังเสียส่วนแบ่งตลาดให้คาราบาวแดงหากไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ โดย โดยส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 29.8% ในเดือน ธ.ค. 2567 (vs. 31.1% ใน 2566) ในขณะที่คาราบาวแดงเพิ่มขึ้นเป็น 26.0% (vs. 23.4% ในปี 2566) ทั้งนี้การออก M-150 ฝาเหลืองราคา 10 บาท อาจยอดแย่งยอดขายจาก M-150 น้ำผึ้งที่ขายราคา 10 บาทเช่นกัน กลยุทธ์นี้ไม่ได้แก้ปัญหาการลดลงของ M-150 ราคา 12 บาท และยังคล้ายกับการเปิดตัว M-150 น้ำผึ้งในปลายปี 2565 ที่ไม่สามารถหยุดการลดลงของส่วนแบ่งตลาดรวมจาก 31.4% เหลือ 29.8%

สำหรับหุ้นแนะนำ  ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA โดยแนะนำ Trading ลุ้น technical rebound หลังรับรู้การเปิดตัว Generative AI สัญชาติจีนอย่าง “DeepSeek” โดยแนะนำจับตา guidance สำหรับค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้าน AI จาก Hyperscalers และผลประกอบการกลุ่ม Magnificent7 (Take profit ที่ 138.5 บาท ส่วนจุด Stop loss ที่ 130.0 บาท)

อีกทั้ง ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB แนะนำ trading หลังประกาศการซื้อหุ้นคืนอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท (คิดเป็น 3.6% ของหุ้นทั้งหมด หรือไม่เกิน 3,500 ล้านหุ้น) ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นได้จากผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่เพิ่มขึ้น (Take profit ที่ 1.97 บาท ส่วนจุด ที่ Stop loss ที่ 1.88 บาท)

Back to top button