OSP รูดต่อ 4% ผวา Q4 กำไรวูบ-มาร์เก็ตแชร์เครื่องดื่มชูกำลังลดเหลือ 45%
OSP รูดต่อ 4% หลังโบรกฯ คาดกำไรไตรมาส 4/67 วูบ! เหตุมาร์เก็ตแชร์เครื่องดื่มชูกำลังลดเหลือ 45% จากเดิม 45.4% ฉุดรายได้ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากธุรกิจพม่า และตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในยุโรปราว 50-60 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 ม.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ณ เวลา 10:15 น. อยู่ที่ระดับ 18.20 บาท ลบ 0.70 บาท หรือ 3.70% สูงสุดที่ระดับ 18.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย203.74 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นออลไทม์โล
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2567 ของ OSP อาจต่ำกว่าที่เคยคาด น่าจะลดจากไตรมาส 3/2567 และโตเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่ต้องติดตามผลตอบรับของกลยุทธ์กลับไปทำ 10 บาท เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) กลับมา
โดยส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงมูลค่าไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 45% ลดลงจาก 45.4% ในไตรมาส 3/2567 จึงคาดรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอาจทรงตัวถึงปรับลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนกับมูลค่าตลาดรวมที่ยังโตได้ แต่คาดถูกหักล้างบางส่วนด้วยรายได้ต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัว
ขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายไตรมาส 4/2567 จะสูงขึ้นกดดันกำไร จากการทำการตลาด ค่าโฆษณา, ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX loss) จากธุรกิจที่พม่า และการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในยุโรปมีค่าใช้จ่ายอีกเล็กน้อยราว 50-60 ล้านบาท
โดยปิดงบปี 2567 OSP มีส่วนแบ่งการตลาด 45.8% ลดลงจาก 46.6% ในปี 2566 ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับในปี 2568 ให้ขยับเข้าใกล้ 50% อีกครั้ง โดยการทำแคมเปญฉลองครบรอบ 40 ปี ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นไป อาทิ การออก M-150 ฝาเหลือง ราคา 10 บาท ไซส์เดิม รสชาติเดิม บุกตลาด traditional trade รวมถึงจะมีการทำตลาดในสินค้าอื่น ๆ ด้วย และจ้างพรีเซนต์คนใหม่
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์เรากังวลมากขึ้นต่อกลยุทธ์การกลับไปออกเครื่องดื่มชูกำลังในราคา 10 บาท เพราะอาจทำให้เกิด cannibalization กับสินค้าตัวเดิม ที่มีทั้ง M-yellow (ฝาทอง) 12 บาท และ M-blue (10 บาท) สุดท้ายแล้วหากไม่สามารถเร่ง volume ให้โตมากได้ อาจทำให้ภาพรวมรายได้เครื่องดื่มชูกำลังไม่เติบโต หรือเติบโตน้อยกว่าคาดก็เป็นได้ ทั้งนี้ บริษัทมองมูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 2568 เติบโต 2-3% จากปี 2567 โต 6% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นทั้ง 2 ราย OSP และบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ต่างเดินหน้าใช้ราคา 10 บาท แย่งส่วนแบ่งตลาดในปี 2568 ทำให้เรามองว่าการแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2567 และน่าจะได้เห็นแนวโน้มค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกันทั้งคู่