เปิดโผ 8 หุ้น “บลูชิพ” กลุ่มพลังงาน-แบงก์ เป้าซื้อหุ้นคืน รับกระแส TTB นำร่อง
“บล.กรุงศรี” คัด 8 หุ้น “บลูชิพ” PTT-SCB-KBANK-KTB-BBL-PTTGC-TOP-BCP เป้าโอกาสซื้อหุ้นคืน รับกระแส TTB นำร่อง หนุนราคาหุ้นวิ่งคึก โดยเน้นกลุ่ม”พลังงาน-แบงก์” เข้าหลักเกณฑ์ PBV ต่ำกว่า 1 เท่า-สภาพคล่องสูง-กำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประเด็นธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB นำร่องประกาศซื้อคืนวานนี้ เพื่อบริหารทางการเงิน ภายใต้วงเงินรวมไม่เกิน 21,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เฉลี่ยปีละ 7 พันล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2568-2570 ส่งผลให้ราคาหุ้น TTB วันนี้(29 ม.ค.68) ปรับตัวขึ้นแรง โดย ณ เวลา 10:43 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 1.90 บาท บวก 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.62% ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉียดพันล้านบาท
ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า จากประเด็นดังกล่าวคาดกระแสเก็งกำไรหุ้นทุนซื้อคืน (Treasury Stocks) ในตลาดนับจากนี้มีแนวโน้มคึกคักขึ้นโดยเฉพาะฝั่งหุ้น Big-Mip Cap โดยอิงเกณฑ์ที่ทีมกลยุทธ์ใช้คัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสซื้อคืนในลำดับถัดไป ประกอบด้วย
1.) เป็นหุ้น Undervalue ที่ซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV ต่ำกว่า 1.0 เท่า
2.) มีสภาพคล่องมากพอซื้อคืน > 5.0% ของมูลค่าตลาดหุ้น (Market Cap) และมีสภาพคล่องเข้าเกณฑ์ของตลาดฯ
3.) มีสภาพคล่องเพียงพอชำระหนี้ครบกำหนดในอีก 1 ปี (vs ตลาดกำหนด 6 เดือน)
4.) มีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรในงบเดี่ยวเพียงพอรองรับการซื้อคืน
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีหุ้น Big Cap หลักๆในกลุ่มพลังงาน, ธนาคาร, ปิโตรเคมีที่มีโอกาสเห็นการซื้อคืนระยะถัดไป อาทิ PTT เนื่องจากมูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.79 เท่า, SCB มูลค่าทางบัญชี หรือ PBV อยู่ที่ 0.85 เท่า, KBANK มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.67 เท่า, KTB มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.71 เท่า, BBL มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.53 เท่า, PTTGC มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.37 เท่า, TOP มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.36 และ BCP มูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV อยู่ที่ 0.8 เท่า
สำหรับ PTT แนะนำราคาเป้าหมาย 37.5 บาท แนวโน้มปี 2568 การฟื้นตัวมาจากธุรกิจก๊าซฯ และปิโตรเคมี โดยฝั่งธุรกิจก๊าซฯ ปริมาณขายโตตาม demand กลุ่มโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมในประเทศที่ขยายตามเศรษฐกิจ รวมถึงปริมาณก๊าซฯอ่าวฯที่เพิ่มขึ้นหนุนการผลิตของโรงแยกฯ/GSP
ทั้งนี้มองต้นทุนก๊าซฯทรงตัวเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมองราคา LNG อาจสูงขึ้นเล็กน้อย จากคาดการณ์อากาศหนาวกว่าปกติใน 2568 ii) ฝั่งธุรกิจปิโตรเคมีคาดโรงโอเลฟินส์ผลิตเพิ่มขึ้นจากการปิดซ่อมที่ลดลง และมี feed Ethane จากโรงแยกฯเพิ่มขึ้น ในขณะที่ product spread มองทรงตัวจาก supply ใหม่เข้ามาน้อยลงชดเชยกับ demand ที่ฟื้นตัวช้า
ส่วน KBANK แนะนำราคาเป้าหมาย 160 บาท คาดกำไรปี 2568 ขยายตัวได้อีก 12.1% โดยน่าจะมีแรงหนุนสินเชื่อขยายตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และผลบวกคุณภาพสินทรัพย์ ช่วยชดเชย NIM ที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบสมมติฐานการลดดอกเบี้ยของ BOT และการขยายตัวสินเชื่อธุรกิจมากขึ้น
ด้าน TTB แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 2.20 บาท โดยคาดกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 2.13 หมื่นล้านบาท โต 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลักดันหลักจากการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) จากคาดการตั้งสำรองพิเศษเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคตน้อยลง
ด้านราคาหุ้นซื้อขาย PBV ปีนี้ราว 0.75 เท่า โดย TTB เป็นหุ้นแรกที่นำร่องประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ภายใต้วงเงินรวมไม่เกิน 21,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2568-2570 มองเป็นแรงขับเคลื่อนหุ้นในระยะสั้น-กลาง