“พิชัย” ถก “อิสราเอล” ดัน FTA ยกระดับการค้า-การลงทุน ชูไทยแหล่งความมั่นคงอาหาร

“พิชัย นริพทะพันธุ์” หารือ รัฐมนตรีการค้าอิสราเอล ที่ดาวอส ดัน FTA ยกระดับการค้า-การลงทุน-เทคโนโลยีการเกษตร ชูไทยเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ม.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ที่ผ่านมา ตนได้พบหารือกับนายนีร์ บาร์กัต รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอิสราเอล เพื่อผลักดันเขตการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) และส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

โดยอิสราเอล เป็นประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และอิสราเอลนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยในปริมาณมาก โดยเฉพาะข้าว, อาหารสำเร็จรูป, อาหารทะเลกระป๋อง และผักผลไม้กระป๋อง ซึ่งไทยพร้อมจะเป็นแหล่งเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับอิสราเอล

นายพิชัย กล่าวว่า อิสราเอลต้องการขยายการค้ากับไทยให้มากขึ้น โดยเห็นว่าประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางอาเซียน และมีความเป็นมิตรกับทุกประเทศสำคัญในโลก อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ตนเห็นว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง การร่วมมือระหว่างกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีจากอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทางอิสราเอลมีความถนัด เช่น เทคโนโลยีทางการเกษตร การเลี้ยงทูน่า และเรื่อง Food Security (ความมั่นคงทางอาหาร) ที่ต้องการให้ไทยเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารให้กับอิสราเอล และทั้งสองฝ่ายมีความต้องการที่จะจัดทำ FTA ระหว่างกัน โดยจะเริ่มจากการจัดทำ JTC (คณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee) ก่อนที่จะนำไปสู่ FTA ระหว่างไทยกับอิสราเอลต่อไป นอกจากนี้ทางอิสราเอลยังมีความต้องการแรงงานจากไทย เพราะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งตนได้ฝากถึงเรื่องแรงงานไทยในอิสราเอลว่าให้ดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทยให้มากขึ้นด้วย

ในปี 2567 อิสราเอลเป็นคู่ค้าอันดับที่ 39 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 6 ในตะวันออกกลาง การค้า 2 ฝ่าย มีมูลค่า 1,281.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทย 813.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทย 468.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน, อาหารทะเลกระป๋อง, อัญมณีและเครื่องประดับ, ข้าว, ตู้เย็น, ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เพชร, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช, ผักผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์

Back to top button