SCGD ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 5% วางงบลงทุน 4 พันล้าน ลุยขยายกำลังผลิตเพิ่ม
SCGD ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 5% พร้อมคว้าโอกาสการเติบโตของตลาดอาเซียน ตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท ลุย M&A และขยายกำลังผลิตสินค้า พร้อมเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยว่า ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5% และ EBITDA จะเพิ่มขึ้นกว่า 5% จากสถานการณ์ตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิว กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนมีสัญญาณการเริ่มทยอยพื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันการเติบโตในปีนี้
โดยบริษัทพร้อมคว้าโอกาสการเติบโตของตลาดอาเซียนด้วยการตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุน M&A 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือตั้งโรงงานวัสดุตกแต่งพื้นผิวในเวียดนาม และงบลงทุน 2,000 ล้านบาทในโรงงานเดิมทั้งไทยและเวียดนามเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการขยายกำลังการผลิตสินค้า HVA รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วอาเซียน โดยตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในปีนี้
นายนำพล กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกปี 68 มองว่าอาจชะลอตัวลงเล็กน้อย และจะเติบโตดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ อาทิ มาตรการลดหย่อนภาษี โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น โดยทั้งปี 68 ตลาดในประเทศมองว่าจะเติบโตราว 1-2%
ขณะที่ตลาดเวียดนามจะมีการเติบโตโดดเด่นในปีนี้ หลังจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/67 โดยยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังได้แรงหนุนจากกฎหมายจัดสรรที่ดินของเวียดนาม ทำให้มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น หนุนยอดขายในเวียดนามค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและสัดส่วนจะเติบโตมากกว่ายอดขายของไทยในอนาคต ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายในเวียดนามอยู่ที่ 22% นอกจากนี้ช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากเวียดนามไปยังสหรัฐและเม็กซิโก และมีออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง มั่นใจสัดส่วนส่งออกจาก 13% จะเติบโตได้อีก
ทั้งนี้ผลประกอบการปี 2567 มีรายได้ 25,563 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อน โดยมี EBITDA 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน มีกำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% จากปีก่อน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และค่าเสียหายจากน้ำท่วมโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์รวมประมาณ 100 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 4/67 มีรายได้ 5,978 ล้านบาท ลดลง 12% โดยมี EBITDA 604 ล้านบาท ลดลง 24% และมีกำไร 80 ล้านบาท ลดลง 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทสามารถลดเงินทุนหมุนเวียนลง 10% มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จากการควบคุมสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการลูกหนี้ทางการค้า
ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 39,823 ล้านบาท อัตราส่วน EBITDA ต่อหนี้สินสุทธิ (Net Debt to EBITDA) มีสัดส่วน 1.4 เท่า กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้เสริมศักยภาพความสามารถการแข่งขันด้วย 1.) มุ่งพัฒนาและผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่ม (High Value Added) ต่อเนื่อง ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ในเวียดนามและไทย รวมทั้งสิ้น 14 ล้านตารางเมตร ล่าสุด ได้ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เพิ่มอีก 5 ล้านตารางเมตร ณ เมือง Pho Yen เวียดนามคาดแล้วเสร็จกลางปี 2568
2.) เร่งลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน กว่า 280 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลได้ถึง 20% และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ถึง 10% ตั้งเป้าปี 2573 เพิ่มการใช้งานพลังงานชีวมวล 46% และพลังงานโซลาร์เซลล์ 15%
3.) ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ (Robotic) เร่งตอบความต้องการตลาด อาทิ ตรวจสอบคุณภาพของแผ่นกระเบื้องในกระบวนการผลิต ใช้แขนกลหุ่นยนต์ในการผลิตสุขภัณฑ์ ระบบขนย้ายสินค้าและบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Complementary Business) ต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายส่งออกในตลาดที่มีความต้องการที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายในอาเซียนผ่านการเปิดร้านค้า 15 ร้าน ได้แก่ ไทยเปิด COTTO LIFE สาขาดอนเมือง และคลังเซรามิก 8 สาขา ฟิลิปปินส์เปิดร้าน CTM จำนวน 4 สาขา กัมพูชาเปิดร้าน OK Tile center และเวียดนามเปิด ร้านค้า V Ceramic ทั้งยังจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์กว่า 170 รายในอาเซียน ส่งผลให้ยอดขายสุขภัณฑ์ใน ต่างประเทศ เพิ่มประมาณ 500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน
รวมทั้งปรับพอร์ตสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ปูนกาว ยาแนวสำหรับการติดตั้งกระเบื้อง ชุดครัว และประตูหน้าต่าง รวมถึงกระเบื้องสำหรับเคาน์เตอร์ท็อปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ทำให้มียอดขาย 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า